คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2517

หมายเลขคดีดำ ของศาลฎีกา
หมายเลขคดีดำ -

หมายเลขคดีดำ และ หมายเลขคดีแดง ของศาลชั้นต้น
หมายเลขคดีดำ -
หมายเลขคดีแดง -
นายอำเภอยานนาวา                                    โจทก์
นายจกสิ่น แซ่เตีย หรือนายจกลิ่น แซ่เจีย             จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา 1304
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 122
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 มาตรา 40 วรรคสาม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีหน้าที่ตรวจตราดูแลรักษาคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและเพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่ให้ผู้ใดบุกรุกหรือรุกล้ำเขตคลองซึ่งอยู่ภายในเขตท้องที่ จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารและเขื่อนถมดินรุกล้ำคลองบางโพงพางซึ่งเป็นคลองสาธารณะ ทำให้ขัดขวางต่อการสัญจรไปมาทางน้ำ ลำคลองแคบลง น้ำไหลไม่สะดวกลำคลองตอนในตื้นเขินจำเป็นต้องขุดลอกคลอง จึงขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารและเขื่อนถมดินออกไปจากที่พิพาท        จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ปลูกอาคารรุกล้ำทางสาธารณะที่ดินที่จำเลยเช่าเป็นที่งอกริมตลิ่ง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง                ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นเขตคลองบางโพงพาง อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่ง โจทก์ในฐานะนายอำเภอท้องที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลคลองนี้ เมื่อจำเลยปลูกสร้างอาคารและเขื่อนถมดินรุกล้ำ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารและเขื่อนถมดินออกไปจากที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตคลองบางโพงพาง ที่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่งอกริมตลิ่งจำเลยมิได้นำสืบ ในประเด็นที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 มีความว่า ที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอจะต้องคอยตรวจตรารักษา อย่าให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว และต่อมาพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรค 3 ได้ให้อำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอโอนไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอแล้ว ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นนายอำเภอเจ้าของท้องที่คลองบางโพงพางซึ่งเป็นที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ จึงมีอำนาจฟ้อง

พิพากษายืน

( สัญชัย สัจจวานิช - แผ้ว ศิวะบวร - ชุ่ม สุนทรธัย )

หมายเหตุ

 
นายอำเภอยานนาวา                                  โจทก์
นายจกสิ่น แซ่เตีย หรือนายจกลิ่น แซ่เจีย            จำเลย

ป.พ.พ. มาตรา 1304
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 122
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 มาตรา 40 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีหน้าที่ตรวจตราดูแลรักษาคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและเพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่ให้ผู้ใดบุกรุกหรือรุกล้ำเขตคลองซึ่งอยู่ภายในเขตท้องที่ จำเลยได้ปลูกสร้างอาคารและเขื่อนถมดินรุกล้ำคลองบางโพงพางซึ่งเป็นคลองสาธารณะ ทำให้ขัดขวางต่อการสัญจรไปมาทางน้ำ ลำคลองแคบลง น้ำไหลไม่สะดวกลำคลองตอนในตื้นเขินจำเป็นต้องขุดลอกคลอง จึงขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารและเขื่อนถมดินออกไปจากที่พิพาท              จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ปลูกอาคารรุกล้ำทางสาธารณะที่ดินที่จำเลยเช่าเป็นที่งอกริมตลิ่ง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง                ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นเขตคลองบางโพงพาง อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่ง โจทก์ในฐานะนายอำเภอท้องที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลคลองนี้ เมื่อจำเลยปลูกสร้างอาคารและเขื่อนถมดินรุกล้ำ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารและเขื่อนถมดินออกไปจากที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตคลองบางโพงพาง ที่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่งอกริมตลิ่งจำเลยมิได้นำสืบ ในประเด็นที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 มีความว่า ที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอจะต้องคอยตรวจตรารักษา อย่าให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว และต่อมาพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรค 3 ได้ให้อำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอโอนไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอแล้ว ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นนายอำเภอเจ้าของท้องที่คลองบางโพงพางซึ่งเป็นที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

( สัญชัย สัจจวานิช - แผ้ว ศิวะบวร - ชุ่ม สุนทรธัย )

หมายเหตุ