กฎกระทรวง ฉบับที่ 26 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 (ฉบับ Update ล่าสุด)

กฎกระทรวง

ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔)

ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร

พ.ศ. ๒๕๒๒[๑]

                  

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๓) และมาตรา ๘ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑  ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒

ข้อ ๒[๒]  ในกฎกระทรวงนี้

“บริเวณที่ ๑” หมายความว่า

พื้นที่ในบริเวณรอบนอกเขตพระราชวังบางปะอิน ในระยะ ๕๐๐ เมตร

พื้นที่ในบริเวณรอบนอกเขตศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ในระยะ ๕๐๐ เมตร เฉพาะฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา

“บริเวณที่ ๒” หมายความว่า

พื้นที่ในบริเวณเขตสุขาภิบาลบ้านเลน เว้นแต่พื้นที่ในบริเวณที่ ๑

                 พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากริมฝั่งแม่น้ำน้อย ฝั่งตะวันออก ในเขตอำเภอบางไทรไปทางทิศตะวันออกเป็นระยะ ๕๐๐ เมตร และพื้นที่ในบริเวณที่วัดจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก ในเขตอำเภอบางไทร ไปทางทิศตะวันออกจนจดเขตทางของถนนสายบางไทร-เชียงรากน้อย ฟากตะวันตก เว้นแต่พื้นที่ของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และพื้นที่ในบริเวณที่ ๑

“บริเวณที่ ๓” หมายความว่า

                   พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ ออกไปทั้งสองข้าง ข้างละ ๑,๐๐๐ เมตร โดยด้านเหนือจดเส้นแบ่งเขตอำเภอบางปะอินกับอำเภออุทัย และด้านใต้จดเส้นขนานฟากเหนือ ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗ และแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน)

                   พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ (ถนนโรจนะ) ออกไปทั้งสองข้าง ข้างละ ๑,๐๐๐ เมตร โดยด้านเหนือจดเส้นแบ่งเขตอำเภอบางปะอินกับอำเภออุทัย และด้านใต้จดเส้นขนาน ฟากเหนือ ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) เว้นแต่พื้นที่ในบริเวณเขตสุขาภิบาลลำตาเสา อำเภอวังน้อย

                  พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ออกไปทั้งสองข้าง ข้างละ ๑,๐๐๐ เมตร โดยด้านตะวันออกจดเขตสุขาภิบาลลำตาเสา อำเภอวังน้อย และด้านตะวันตกจดเส้นตั้งฉากกับบางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ที่จุดซึ่งอยู่ห่างจากจุดบรรจบระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) เป็นระยะ ๒๐๐ เมตร

                  พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นระยะ ๑,๐๐๐ เมตร โดยด้านตะวันตกจดเส้นตั้งฉากกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ที่จุดซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทางรถไฟสายเหนือตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ เป็นระยะ ๘๐๐ เมตร และด้านตะวันออกจดเส้นขนานฟากตะวันตก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒

                 พื้นที่ในเขตตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน ซึ่งด้านเหนือจดเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ฟากตะวันตก ด้านตะวันออกและด้านใต้จดเส้นแบ่งเขตตำบลคลองจิกกับตำบลบางกระสั้น และด้านตะวันตกจดทางรถไฟสายเหนือฟากตะวันออก

                  พื้นที่ในเขตตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน ซึ่งด้านเหนือจดเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ฟากตะวันตก ด้านตะวันออกจดเส้นขนาน ฟากตะวันตก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ ด้านใต้จดเส้นแบ่งเขตตำบลคลองจิกกับตำบลเชียงรากน้อย และด้านตะวันตกจดเส้นแบ่งเขตตำบลคลองจิกกับตำบลบางกระสั้น

“บริเวณที่ ๔” หมายความว่า พื้นที่ในบริเวณแนวเขตควบคุมอาคารตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เว้นแต่บริเวณที่ ๑ บริเวณที่ ๒ บริเวณที่ ๓ และบริเวณที่ ๕

“บริเวณที่ ๕” หมายความว่า

                   พื้นที่ในเขตตำบลบ้านกรด ตำบลขนอนหลวง ตำบลบ้านโพ และตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน ซึ่งเป็นบริเวณที่เริ่มจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก ไปทางทิศตะวันออกจนจดแนวเขตบริเวณที่ ๓ ด้านทิศตะวันตก

                  พื้นที่ในเขตตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน ในส่วนที่อยู่นอกบริเวณรัศมี ๒,๐๐๐ เมตร โดยวัดจากศูนย์กลางของพระราชวังบางปะอิน ซึ่งด้านเหนือจดเส้นแบ่งเขตตำบลบ้านเลนและตำบลบ้านโพ ด้านตะวันออกจดแนวเขตบริเวณที่ ๓ ด้านทิศตะวันตก ด้านใต้จดเส้นแบ่งเขตตำบลบ้านเลน และตำบลคลองจิก และด้านตะวันตกจดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก

                  พื้นที่ในเขตตำบลสามเรือน และตำบลบ้านสร้าง อำเภอบางปะอิน ในบริเวณที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ (ถนนโรจนะ) เว้นแต่พื้นที่ในบริเวณที่ ๓ โดยเริ่มจากแนวเขตบริเวณที่ ๓ ด้านทิศตะวันออก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จนจดเส้นแบ่งเขตอำเภอบางปะอินกับอำเภออุทัย

พื้นที่ในบริเวณเขตสุขาภิบาลลำตาเสา อำเภอวังน้อย

                  พื้นที่ในเขตตำบลบ่อตาโล่ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย และตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน ซึ่งเป็นบริเวณที่ต่อจากเส้นขนาน ฟากตะวันตก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ (ถนนโรจนะ) ไปทางด้านทิศตะวันตก เส้นขนาน ฟากเหนือ ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ไปทางด้านทิศเหนือและเส้นขนาน ฟากตะวันออก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ ไปทางด้านทิศตะวันออก

พื้นที่ในเขตตำบลพยอม อำเภอวังน้อย ซึ่งเป็นบริเวณที่ต่อจากเส้นขนาน ฟากใต้ และฟากตะวันตก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร กับแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน)

พื้นที่ในเขตตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟสายเหนือ

                  พื้นที่ในเขตตำบลบางกระสั้น ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน ตำบลลำไทร ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย และตำบลราชคราม ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร ในบริเวณที่วัดจากแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๔๒ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๗ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ออกไปทั้งสองข้าง ข้างละ ๑,๐๐๐ เมตร โดยด้านตะวันออกจดเส้นตั้งฉากกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ที่จุดซึ่งอยู่ห่างจากจุดบรรจบระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) เป็นระยะ ๒๐๐ เมตร ด้านใต้จดแนวเส้นแบ่งเขตอำเภอบางปะอินกับอำเภอบางไทร และด้านตะวันตกจดแนวเส้นขนานกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร เว้นแต่พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวศูนย์กลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๔๒ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๗ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗ ออกไปทั้งสองข้าง ข้างละ ๒๐๐ เมตร โดยด้านตะวันออกจดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ด้านใต้จดเส้นแบ่งเขตอำเภอบางปะอินกับอำเภอบางไทร และด้านตะวันตกจดแนวเส้นขนานกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก ระยะ ๑,๐๐๐ เมตร และพื้นที่ที่อยู่ในบริเวณรัศมี ๒,๐๐๐ เมตร โดยวัดจากศูนย์กลางของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร

ทั้งนี้ ตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้

                   ข้อ ๓  ให้กำหนดพื้นที่ในท้องที่ตำบลบ้านกลึง ตำบลกระแชง ตำบลช้างน้อย ตำบลบ้านแป้ง ตำบลสนามชัย ตำบลราชคราม ตำบลช้างใหญ่ ตำบลโพแตง ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางไทร ตำบลปากกราน ตำบลคลองตะเคียน ตำบลบ้านรุน ตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตำบลบางประแดง ตำบลขนอนหลวง ตำบลบ้านกรด ตำบลคุ้งลาน ตำบลสามเรือน ตำบลบ้านสร้าง ตำบลตลาดเกรียบ ตำบลบ้านโพ ตำบลวัดยม ตำบลบ้านหว้า ตำบลตลิ่งชัน ตำบลบ้านแป้ง ตำบลบ้านเลน ตำบลบ้านพลับ ตำบลเกาะเกิด ตำบลคลองจิก ตำบลบางกระสั้น ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน และตำบลลำตาเสา ตำบลบ่อตาโล่ ตำบลลำไทร ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้เป็นบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ซึ่งอาคารชนิด และประเภท ดังต่อไปนี้

(ก)  ภายในบริเวณที่ ๑ ห้ามมิให้บุคคลใดก่อสร้างอาคารอื่นใด เว้นแต่

(๑)  อาคารที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยวที่มีความสูงไม่เกิน ๘ เมตร

(๒)  หอถังน้ำที่มีความสูงไม่เกิน ๑๑ เมตร

(ข)  ภายในบริเวณที่ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดก่อสร้างอาคาร ดังต่อไปนี้

(๑)  โรงงานที่ใช้เครื่องจักรมีกำลังรวมตั้งแต่ห้าแรงม้า หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือใช้คนงานตั้งแต่สิบคนขึ้นไป

(๒)  สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ

(๓)  คลังสินค้าที่มีพื้นที่เกิน ๒๐๐ ตารางเมตร

(๔)  อาคารที่มีความสูงเกิน ๑๖ เมตร

(๕)  หอถังน้ำที่มีความสูงเกิน ๑๙ เมตร

(ค)[๓]  ภายในบริเวณที่ ๓ ห้ามมิให้บุคคลใดก่อสร้างอาคาร ดังต่อไปนี้

                           (๑)  โรงงานที่มีระยะห่างจากเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ (ถนนโรจนะ) น้อยกว่า ๕๐ เมตร

(๒)  สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ

                           (๓)  อาคารที่มีความสูงเกิน ๒๕ เมตร เว้นแต่อาคารโรงงานที่สร้างขึ้นภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินและเขตนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า และตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของพระราชวังบางปะอินและศูนย์ศิลปาชีพบางไทรไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ เมตร

(๔)  หอถังน้ำที่มีความสูงเกิน ๒๘ เมตร

(ง)  ภายในบริเวณที่ ๔ ห้ามมิให้บุคคลใดก่อสร้างอาคาร ดังต่อไปนี้

(๑)  โรงงานที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมตั้งแต่ห้าแรงม้าหรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือใช้คนงานตั้งแต่สิบคนขึ้นไป

(๒)  สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ

(๓)  สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง

(๔)  สถานที่บรรจุก๊าซ สถานที่เก็บก๊าซ และสถานีบริการ ตามกฎหมายว่าด้วยการบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว

(๕)  โรงมหรสพตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันภยันตรายอันเกิดแต่การเล่นมหรสพ

(๖)  อาคารที่มีความสูงเกิน ๑๒ เมตร

(๗)  หอถังน้ำที่มีความสูงเกิน ๑๕ เมตร

(จ)[๔]  ภายในบริเวณที่ ๕ ห้ามมิให้บุคคลใดก่อสร้างอาคาร ดังต่อไปนี้

                           (๑)  โรงงานที่มีระยะห่างจากเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๘ และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ (ถนนโรจนะ) น้อยกว่า ๕๐ เมตร และโรงงานที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมตั้งแต่ห้าแรงม้าหรือเทียบเท่าขึ้นไปหรือใช้คนงานตั้งแต่สิบคนขึ้นไป เว้นแต่โรงงานที่ประกอบกิจการโดยไม่เป็นมลพิษต่อชุมชนหรือสิ่งแวดล้อม

(๒)  สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ

                           (๓)  อาคารที่มีความสูงเกิน ๒๕ เมตร เว้นแต่ไซโล และอาคารโรงงานที่สร้างขึ้นภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินและเขตนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า และตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของพระราชวังบางปะอินและศูนย์ศิลปาชีพบางไทรไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ เมตร

(๔)  หอถังน้ำที่มีความสูงเกิน ๒๘ เมตร

การวัดความสูงให้วัดจากระดับถนนหรือขอบทางเท้าที่ใกล้ที่สุดถึงส่วนที่สูงที่สุดของอาคาร

ข้อ ๔  ภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดตามข้อ ๓ ห้ามมิให้บุคคลใดดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารใดๆ ให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามที่กำหนดตามข้อ ๓

ข้อ ๕  กฎกระทรวงนี้ไม่ใช้บังคับแก่การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร ดังต่อไปนี้

(๑)  อาคารหรือสถานที่ของทางราชการ

(๒)  อาคารหรือสถานที่ขององค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายที่ใช้ในกิจการขององค์การหรือใช้เพื่อสาธารณประโยชน์

(๓)  ศาสนสถาน

(๔)[๕]  อาคารของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร

(๕)  เขื่อน สะพาน อุโมงค์ ทางหรือท่อระบายน้ำ รั้วกำแพง และประตู

(๖)  อาคารของบริษัทโรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอิน จำกัด

                          ข้อ ๖  อาคารที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ที่กำหนดตามข้อ ๓ ก่อนหรือในวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ แต่ห้ามดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารดังกล่าวให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามที่กำหนดตามข้อ ๓

                             ข้อ ๗  อาคารที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และยังก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ไม่แล้วเสร็จ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ แต่จะขอเปลี่ยนแปลงการอนุญาตให้เป็นการขัดต่อกฎกระทรวงนี้ไม่ได้

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๔

พลตำรวจเอก ประมาณ อดิเรกสาร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

[เอกสารแนบท้าย]

๑.[๖] แผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒

หมายเหตุ :-  เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันท้องที่บางแห่งในอำเภอบางไทร อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน และอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสภาพการก่อสร้างและการใช้อาคารไปจากเดิม โดยเฉพาะพื้นที่บางส่วนกำลังมีการพัฒนาและขยายตัวในด้านการก่อสร้างและการใช้อาคารอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือการใช้อาคารในบริเวณดังกล่าวตามที่ได้กำหนดโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งใช้บังคับในท้องที่ดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น  จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒[๗]

ข้อ ๖  อาคารที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลบ้านกลึง ตำบลกระแชง ตำบลช้างน้อย ตำบลบ้านแป้ง ตำบลสนามชัย ตำบลราชคราม ตำบลช้างใหญ่ ตำบลโพแตง ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางไทร ตำบลปากกราน ตำบลคลองตะเคียน ตำบลบ้านรุน ตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตำบลบางประแดง ตำบลขนอนหลวง ตำบลบ้านกรด ตำบลคุ้งลาน ตำบลสามเรือน ตำบลบ้านสร้าง ตำบลตลาดเกรียบ ตำบลบ้านโพ ตำบลวัดยม ตำบลบ้านหว้า ตำบลตลิ่งชัน ตำบลบ้านแป้ง ตำบลบ้านเลน ตำบลบ้านพลับ ตำบลเกาะเกิด ตำบลคลองจิก ตำบลบางกระสั้น ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน และตำบลลำตาเสา ตำบลบ่อตาโล่ ตำบลลำไทร ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ ก่อนหรือในวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงนี้ แต่ห้ามดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารดังกล่าวให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงนี้

 

ข้อ ๗  อาคารที่ได้รับอนุญาตหรือได้ใบรับแจ้งการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเฉพาะว่าด้วยกิจการนั้น ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และยังก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้ไม่แล้วเสร็จ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงนี้ แต่จะขอเปลี่ยนแปลงการอนุญาตหรือการแจ้งให้เป็นการขัดต่อกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงนี้ไม่ได้

 

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันท้องที่บางส่วนในอำเภอบางไทร อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน และอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใกล้เคียงโบราณสถานและสถานที่สำคัญ โดยเฉพาะในท้องที่อำเภอบางปะอิน และอำเภอบางไทรเพิ่มมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารในบริเวณดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมืองและการสถาปัตยกรรม จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

 

  • [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๘/ตอนที่ ๑๑/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๑/๒๒ มกราคม ๒๕๓๔
  • [๒] ข้อ ๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
  • [๓] ข้อ ๓ (ค) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
  • [๔] ข้อ ๓ (จ) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
  • [๕] ข้อ ๕ (๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
  • [๖] แผนที่ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราช่บัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
  • [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๗๓/๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๗