กฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

กฎกระทรวง

ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๓๘)

ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า

พ.ศ. ๒๕๓๕

-------------

                        อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติสงวน

และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยความเห็นชอบ

ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้

                        ข้อ ๑ ผู้ใดประสงค์จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานประจำด่านตรวจ

สัตว์ป่าหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นออกไปปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง

สัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ นอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ ไม่ว่าในหรือนอก

ราชอาณาจักร ให้ยื่นคำขอตามแบบ สป.๑๙ ท้ายกฎกระทรวงนี้ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยให้ยื่น

ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน

                        การยื่นคำขอตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ดังต่อไปนี้

                        (๑) ในกรณีที่เป็นสัตว์ป่า ในกรุงเทพมหานครให้ยื่นที่กองการอนุญาต กรม

ป่าไม้ส่วนในท้องที่อื่นให้ยื่นที่สำนักงานป่าไม้อำเภอหรือกิ่งอำเภอแห่งท้องที่ที่สัตว์ป่านั้นอยู่ หรือ

ที่ประสงค์จะดำเนินการ

                        (๒) ในกรณีที่สัตว์ป่านั้นเป็นสัตว์น้ำ ในกรุงเทพมหานครให้ยื่นที่กองอนุรักษ์

ทรัพยากรประมง กรมประมง ส่วนในท้องที่อื่นให้ยื่นที่สำนักงานประมงจังหวัดที่สัตว์น้ำนั้นอยู่

หรือที่ประสงค์จะดำเนินการ

                        ในกรณีที่เป็นการดำเนินการเพื่อนำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือนำเคลื่อนที่เพื่อ

การค้าจะยื่นที่ด่านตรวจสัตว์ป่าที่จะนำสัตว์ป่านั้นเคลื่อนที่ผ่านก็ได้

                        ข้อ ๒  เมื่อได้รับคำขอตามข้อ ๑ ให้หัวหน้าหน่วยงานที่รับคำขอพิจารณาและ

สั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติตาม

จำนวนที่ผู้ยื่นคำขอร้องขอหรือตามที่เห็นสมควร

                        ข้อ ๓  ผู้ยื่นคำขอตามข้อ ๑ ต้องจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะเดินทางให้แก่

พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งออกไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ ๒ โดยจ่ายในวัน

ยื่นคำขอดังต่อไปนี้

                        (๑) ค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ป่าที่ปฏิบัติงาน

นอกเวลาราชการ ให้จ่ายตามอัตราดังต่อไปนี้

                        (ก) วันปกติ ให้จ่ายในอัตราหนึ่งร้อยบาท ต่อคำขอหนึ่งฉบับ

                        (ข) วันหยุดราชการ ให้จ่ายในอัตราสองร้อยบาท ต่อคำขอหนึ่งฉบับ

                        (๒) ค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่อื่น ให้จ่ายตามจำนวนวันที่ปฏิบัติงาน

นอกเวลาราชการหรือออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ทำการโดยปกติ โดยจ่ายตามอัตราเบี้ยเลี้ยง

เดินทางในประเทศ (เหมาจ่าย) ประเภท ก หรือตามอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในต่างประเทศ

ประเภท ก ที่กระทรวงการคลังกำหนดตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป

ราชการ

                        การนับวันปฏิบัติงานนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ ให้นับ

วันที่ปฏิบัติงานวันแรกเป็นหนึ่งวัน วันถัดไปให้นับเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นหนึ่งวันและเศษของ

ยี่สิบสี่ชั่วโมงให้นับเป็นหนึ่งวัน

                        (๓) ค่าพาหนะเดินทางให้จ่ายตามอัตราดังต่อไปนี้

                        (ก) ในกรณีที่เป็นการปฏิบัติงานในระยะทางไม่เกินสิบกิโลเมตรจากสถานที่

ทำการ ให้จ่ายหนึ่งร้อยบาท

                        (ข) ในกรณีที่เป็นการปฏิบัติงานในระยะทางตั้งแต่สิบกิโลเมตร ถึงยี่สิบ

กิโลเมตรให้จ่ายสองร้อยบาท

                        (ค) ในกรณีที่เป็นการปฏิบัติงานในระยะทางตั้งแต่ยี่สิบกิโลเมตร ถึงสี่สิบ

กิโลเมตร ให้จ่ายสี่ร้อยบาท

                        (ง) ในกรณีที่เป็นการปฏิบัติงานในระยะทางตั้งแต่สี่สิบกิโลเมตรขึ้นไป

ให้จ่ายห้าร้อยบาท หรือเท่าที่จ่ายจริง

                                                            ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘

                                                                           ประจวบ ไชยสาส์น

                                                        รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]

+-----------------------------------------------------------------------------------------------------+

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๔๔ แห่งพระราช

บัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติให้การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ

เงื่อนไข ในการยื่นคำขอและการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะเดินทางให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่

ซึ่งปฏิบัติงานนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ ต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง

จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

[รก.๒๕๓๘/๑๔ก./๔/๒๘ เมษายน ๒๕๓๘]