พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าดินแดง ในท้องที่ตำบลเมือง ตำบลกระแซง ตำบลสระเยา ตำบลไพร ตำบลพราน ตำบลละลาย ตำบลรุง และตำบลซำ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2496
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดป่าดงดินแดง ในท้องที่ตำบลเมือง
ตำบลกระแชง ตำบลสระเยา ตำบลไพร ตำบลพราน
ตำบลละลาย ตำบลรุงและตำบลซำ อำเภอกันทรลักษณ์
จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๔๙๖
--------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๖
เป็นปีที่ ๘ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดป่าดงดินแดง ในท้องที่ตำบลเมือง ตำบลกระแชง
อำเภอสระเยา ตำบลไพร ตำบลพราน ตำบลละลาย ตำบลรุงและตำบลซำ อำเภอกันทรลักษณ์
จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นป่าคุ้มครอง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติ
คุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา
ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าดงดินแดง
ในท้องที่ตำบลเมือง ตำบลกระแชง ตำบลสระเยา ตำบลไพร ตำบลพราน ตำบลละลาย ตำบลรุง
และตำบลซำ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๔๙๖"
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ป่าดงดินแดง ในท้องที่ตำบลเมือง ตำบลกระแชง ตำบลสระเยา
ตำบลไพร ตำบลพราน ตำบลละลาย ตำบลรุงและตำบลซำ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นป่าคุ้มครอง
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
+--------------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากที่ดินแห่งนี้เป็นป่าที่มี
ไม้มีค่าเป็นปริมาณมาก เช่น ไม้ประดู่ ไม้ตะแบก ไม้เต็งรัง ไม้พ้นชาติ ฯลฯ มีสภาเหมาะสมที่
ควรสงวนไว้เพื่อให้ราษฎรได้ใช้ไม้ตลอดไป และเพื่อรักษาต้นน้ำให้มีน้ำตลอดปี อันจะให้
ประโยชน์มากยิ่งกว่าที่จะแผ้วถางทำเป็นที่เพาะปลูก หรือเพื่อกิจการอย่างอื่นต่อหน่วยเนื้อที่ และ
การใช้ประโยชน์จากป่าของราษฎรส่วนมาก มิได้เป็นไปตามหลักเศรษฐกิจ เช่น เข้าก่นสร้าง แผ้ว
ถาง เผาป่าที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้มีค่า โดยไม่คำนึงถึงผลได้เสียที่จะบังเกิดแก่ส่วนรวม เป็นเหตุให้
ป่าที่ดีมีคุณค่าถูกทำลายและทรุดโทรมเสียหายเกินควร จึงสมควรที่จะจัดการคุ้มครองที่ป่าแห่งนี้
ไว้เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
[รก.๒๔๙๖/๒๙/๖๑๐/๑๒ พฤษภาคม ๒๔๙๖]
ชไมพร/พิมพ์
๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๔