พระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าเลนบ้านธรรมชาติ ในท้องที่ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราดเป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2496

พระราชกฤษฎีกา

กำหนดป่าเลนบ้านธรรมชาติ ในท้องที่ตำบลแหลมงอบ

อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พ.ศ. ๒๔๙๖

-----------

                                                         ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

                                          ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๖

                                                   เป็นปีที่ ๘ ในรัชกาลปัจจุบัน

                        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ

โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

                        โดยที่เป็นการสมควรกำหนดป่าเลนบ้านธรรมชาติ ในท้องที่ตำบลแหลมงอบ

อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ให้เป็นป่าคุ้มครอง

                        อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติ

คุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา

ขึ้นไว้ ดังต่อไป

                        มาตรา ๑  พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าเลน

บ้านธรรมชาติ ในท้องที่ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พ.ศ. ๒๔๙๖"

                        มาตรา ๒  พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วัน

ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                        มาตรา ๓  ให้ป่าเลนบ้านธรรมชาติ ในท้องที่ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ

จังหวัดตราด ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นป่าคุ้มครอง

                        มาตรา ๔  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    จอมพล ป. พิบูลสงคราม

         นายกรัฐมนตรี

+--------------------------------------------------------------------------------------------------+

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากที่ดินแห่งนี้เป็นป่า

ที่มีไม้มีค่าเป็นปริมาณมาก เช่น ไม้โกงกาง และไม้โปร่ง มีสภาพเหมาะสมที่ควรสงวนไว้เพื่อให้

ราษฎรได้มีไม้ใช้ตลอดไป อันจะให้ประโยชน์มากยิ่งกว่าที่จะแผ้วถางลงทำเป็นที่เพาะปลูกหรือเพื่อ

กิจการอย่างอื่นต่อหน่วยเนื้อที่ และการใช้ประโยชน์จากป่าของราษฎรส่วนมากมิได้เป็นไปตาม

หลักเศรษฐกิจ เช่น เข้าก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่าที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้อันมีค่า โดยไม่คำนึงถึง

ผลได้เสียที่จะบังเกิดแก่ส่วนรวม เป็นเหตุให้ป่าที่ดีมีค่าถูกทำลายทรุดโทรมเสียหายเกินควร จึง

สมควรที่จะจัดการคุ้มครองที่ป่าแห่งนี้ไว้เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน

[รก.๒๔๙๖/๖๑/๑๑๗๓/๒๙ กันยายน ๒๔๙๖]

                                                                                                            ชไมพร/พิมพ์

                                                                                                            ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๔