พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510

พระราชบัญญัติ

แร่ พ.ศ. ๒๕๑๐

                  

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๐

เป็นปีที่ ๒๒ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยแร่

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐”

มาตรา ๒[๑]  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓  ให้ยกเลิก

(๑) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ พระพุทธศักราช ๒๔๖๑

(๒) ประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ ให้ใช้พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ พระพุทธศักราช ๒๔๖๑ คุ้มครองไปถึงเพชรพลอยต่าง ๆ

(๓) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๔

(๔) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๗๙

(๕) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๔) พุทธศักราช ๒๔๗๙

(๖) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๕) พุทธศักราช ๒๔๘๓

(๗) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๘๓

(๘) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๗) พุทธศักราช ๒๔๘๔

(๙) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๘) พุทธศักราช ๒๔๘๕

(๑๐) พระราชบัญญัติว่าด้วยวิธีการเก็บค่าภาคหลวงแร่ พุทธศักราช ๒๔๘๖

(๑๑) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๐๖

(๑๒) พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๐๙

บรรดาบทกฎหมาย กฎและข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

หมวด ๑

บททั่วไป

มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้

               “แร่” หมายความว่า ทรัพยากรธรณีซึ่งเป็นอนินทรียวัตถุมีส่วนประกอบทางเคมีกับลักษณะทางฟิสิกส์แน่นอนหรือเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย ไม่ว่าจะต้องถลุงหรือหลอมก่อนใช้หรือไม่ และหมายความรวมตลอดถึงถ่านหิน หินน้ำมัน โลหะที่ได้จากโลหกรรม และดิน หรือทรายซึ่งกฎกระทรวงกำหนดเป็นดินอุตสาหกรรมหรือทรายอุตสาหกรรมในเขตที่ระบุไว้  ทั้งนี้ ไม่รวมถึงน้ำ น้ำแร่ เกลือสินเธาว์ ลูกรัง หิน ดินหรือทราย

“สำรวจแร่” หมายความว่า การเจาะหรือขุด หรือกระทำด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธี เพื่อให้รู้ว่าในพื้นที่มีแร่อยู่หรือไม่เพียงใด

                “ทำเหมือง” หมายความว่า การกระทำแก่พื้นที่ไม่ว่าจะเป็นที่บกหรือที่น้ำเพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธี แต่ไม่รวมถึงการขุดหาแร่รายย่อยหรือการร่อนแร่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

“ขุดหาแร่รายย่อย” หมายความว่า การกระทำแก่พื้นที่ไม่ว่าจะเป็นที่บกหรือที่น้ำเพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โดยใช้แรงคนแต่ละคนตามชนิดของแร่ ภายในท้องที่และวิธีการขุดหาแร่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

“ร่อนแร่” หมายความว่า การกระทำแก่พื้นที่ไม่ว่าจะเป็นที่บกหรือที่น้ำเพื่อให้ได้มาซึ่งแร่โดยใช้แรงคนแต่ละคนตามชนิดของแร่ ภายในท้องที่และวิธีการร่อนแร่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

“แต่งแร่” หมายความว่า การกระทำอย่างใด ๆ เพื่อให้แร่ที่ปนกันอยู่ตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปแยกออกจากกัน และหมายความรวมตลอดถึงการทำแร่เพื่อให้สะอาดด้วย

“ซื้อแร่” หมายความว่า การรับโอนแร่ด้วยประการใดจากบุคคลอื่นนอกจากการตกทอดทางมรดก

“ขายแร่” หมายความว่า การโอนแร่ด้วยประการใดไปยังบุคคลอื่น

                “โลหกรรม” หมายความว่า การถลุงแร่หรือการทำแร่ให้เป็นโลหะด้วยวิธีอื่นใด และหมายความรวมตลอดถึงการทำโลหะให้บริสุทธิ์ การผสมโลหะ การผลิตโลหะสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูปชนิดต่าง ๆ โดยวิธีหลอม หล่อ รีด หรือวิธีอื่นใด

“เขตเหมืองแร่” หมายความว่า เขตพื้นที่ซึ่งกำหนดในประทานบัตร

“เขตแต่งแร่” หมายความว่า เขตพื้นที่ซึ่งระบุในใบอนุญาตแต่งแร่

“เขตโลหกรรม” หมายความว่า เขตพื้นที่ซึ่งระบุในใบอนุญาตประกอบการโลหกรรม

“สถานที่เก็บแร่” หมายความว่า สถานที่ซึ่งระบุในใบอนุญาตเก็บแร่

“สถานที่พักแร่” หมายความว่า สถานที่ซึ่งระบุในใบอนุญาตขนแร่ให้นำแร่ไปเก็บพักไว้ได้

“อาชญาบัตรสำรวจแร่” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อสำรวจแร่ภายในท้องที่ซึ่งระบุในหนังสือสำคัญนั้น

“อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อผูกขาดสำรวจแร่ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น

“ประทานบัตร” หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อทำเหมืองภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น

“ที่ว่าง” หมายความว่า ที่ซึ่งมิได้มีบุคคลใดมีสิทธิครอบครองและมิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอันราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน และมิใช่ที่ดินในเขตที่มีการคุ้มครองหรือสงวนไว้ตามกฎหมาย

“ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่” หมายความว่า ทรัพยากรธรณีอำเภอ หรือทรัพยากรธรณีจังหวัด แล้วแต่กรณี ถ้าในจังหวัดใดไม่มีทรัพยากรธรณีจังหวัด ให้หมายความว่า อธิบดีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมาย

“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และเจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

“อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี

“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๕  การจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดหรือสำนักงานทรัพยากรธรณีอำเภอโดยจะให้มีเขตอำนาจตลอดเขตใด ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง

                ในการกำหนดเขตอำนาจของสำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัด จะกำหนดให้ตำบล หรืออำเภอใดรวมอยู่ในเขตอำนาจของสำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดหนึ่ง ก็ให้กระทำได้โดยมิต้องคำนึงว่าตำบลหรืออำเภอนั้นอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกันหรือไม่

สำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดแต่ละเขต ให้มีทรัพยากรธรณีจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชา

                ในกรณีที่สำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดหนึ่งมีเขตอำนาจในจังหวัดอื่นรวมอยู่ด้วย ก็ให้ถือว่าทรัพยากรธรณีจังหวัดผู้ควบคุมบังคับบัญชาท้องที่ในจังหวัดอื่นที่มีเขตอำนาจนั้น เป็นหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดในจังหวัดอื่นนั้นด้วย

ในการกำหนดเขตอำนาจของสำนักงานทรัพยากรธรณีอำเภอ จะกำหนดให้อำเภอหนึ่งหรือหลายอำเภอหรือตำบลใดในอำเภออื่น รวมอยู่ในเขตอำนาจของสำนักงานทรัพยากรธรณีอำเภอนั้นก็ได้

               สำนักงานทรัพยากรธรณีอำเภอแต่ละเขต ให้มีทรัพยากรธรณีอำเภอคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชา และจะกำหนดให้ทรัพยากรธรณีอำเภอนั้นอยู่ในบังคับบัญชาของทรัพยากรธรณีจังหวัดใดหรืออยู่ในบังคับบัญชาของอธิบดีก็ได้

มาตรา ๖  คำขอตามพระราชบัญญัตินี้ให้ทำตามแบบพิมพ์ที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนด

               ผู้ยื่นคำขอต้องเสียค่าคำขอและวางค่าธรรมเนียมล่วงหน้าพร้อมกับการยื่นคำขอ และต้องวางเงินล่วงหน้าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดดำเนินการและการออกอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ไว้ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่อีกด้วย ถ้าได้มีการสั่งยกคำขอหรือไม่ได้รับอาชญาบัตรประทานบัตรหรือใบอนุญาตด้วยประการใด ค่าใช้จ่ายสำหรับกิจการที่ยังไม่ได้ดำเนินการนั้นให้คืนให้แก่ผู้ยื่นคำขอ แต่ถ้าดำเนินการไปแล้วเป็นบางส่วนก็ให้คืนให้เฉพาะส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการ

               ในกรณีขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่หรือประทานบัตรค่าธรรมเนียมล่วงหน้าที่ผู้ยื่นคำขอวางไว้นั้น ถ้าได้มีการสั่งยกคำขอหรือผู้ยื่นคำขอถอนคำขอนั้นเสีย ผู้ยื่นคำขอต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับกิจการที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระในอัตราหนึ่งในสี่ของเงินที่วางไว้นั้น เว้นแต่ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งยกคำขอโดยมิใช่ความผิดของผู้ยื่นคำขอ หรือผู้ยื่นคำขอตาย

                มาตรา ๗  ถ้าอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทำลาย ให้ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาต ยื่นคำขอรับใบแทนต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันที่ทราบการสูญหายหรือการถูกทำลาย

                มาตรา ๘  ในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะตั้งตัวแทนเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตต้องทำหนังสือมอบอำนาจและจดทะเบียนไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

การทำหนังสือมอบอำนาจและการจดทะเบียนให้เป็นไปตามแบบและวิธีการที่อธิบดีกำหนด

               มาตรา ๙  ในการที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะติดต่อส่งหนังสือหรือคำสั่งแก่ผู้ยื่นคำขอ ผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาต ถ้าไม่พบตัวบุคคลดังกล่าวหรือไม่มีผู้ใดยอมรับแทน ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้รับแจ้งข้อความในหนังสือหรือคำสั่งนั้นแล้ว ในเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้

(๑) ส่งหนังสือหรือคำสั่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือ

(๒) ปิดหนังสือหรือคำสั่งไว้ในที่เห็นได้ง่าย ณ สำนักงานภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ของบุคคลดังกล่าวโดยมีพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นพยานในการนั้น

                มาตรา ๑๐  ในกรณีที่ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ได้กระทำโดยตัวแทนหรือลูกจ้างซึ่งได้กระทำเพราะเหตุเป็นตัวแทนหรือลูกจ้าง หรือกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาต ไม่ว่าตัวแทนหรือลูกจ้างนั้นจะได้เป็นตัวแทนโดยทำหนังสือมอบอำนาจและจดทะเบียนไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือไม่ ให้ถือว่าผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาต เป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้น

              มาตรา ๑๑  ในการสำรวจแร่หรือทำเหมือง ถ้าได้พบโบราณวัตถุ ซากดึกดำบรรพ์ หรือแร่พิเศษ อันมีคุณค่าเกี่ยวกับการศึกษาในทางธรณีวิทยา นอกจากจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บได้ซึ่งวัตถุนั้นแล้ว ผู้ถืออาชญาบัตร หรือผู้ถือประทานบัตร จะต้องแจ้งการพบนั้นต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่โดยพลัน

                มาตรา ๑๒  ในเขตอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่หรือเขตเหมืองแร่หรือในเขตที่ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทราย หรือในเขตที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รังวัดเพื่อการดังกล่าวแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาต เข้าไปยึดถือครอบครอง ทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพพื้นที่หรือทรัพยากรในเขตนั้น เว้นแต่ผู้นั้นมีสิทธิทำเช่นนั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

มาตรา ๑๓  การฝ่าฝืนมาตรา ๑๒ นอกจากเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นแล้ว ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนสิทธิของผู้ถืออาชญาบัตร ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาต แล้วแต่กรณี

                 มาตรา ๑๔  เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดทำหลักหมายเขตเหมืองแร่หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ตามพระราชบัญญัตินี้ลงไว้ในที่ใด ห้ามมิให้ผู้ใดทำลาย ดัดแปลง เคลื่อนย้าย ถอน หรือทำให้หลุด ซึ่งหลักหมายเขตเหมืองแร่หรือหมุดหลักฐานการแผนที่นั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

               มาตรา ๑๕  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้เป็นเจ้าพนักงานตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา และในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดอาญา ให้ถือว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา ๑๖  พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีบัตรประจำตัวตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องแสดงบัตรประจำตัวเมื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องร้องขอ

มาตรา ๑๗  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ กับออกกฎกระทรวง

(๑) กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้

(๒) กำหนดแบบพิมพ์อาชญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาต

(๓) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสำรวจแร่ การทำเหมือง การซื้อแร่ การขายแร่ การเก็บแร่และการนำแร่เข้าหรือการส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักร

(๔) กำหนดวิธีการให้ความคุ้มครองแก่คนงาน และความปลอดภัยแก่บุคคลภายนอก และ

(๕) กำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๒

คณะกรรมการ

                มาตรา ๑๘  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเป็นประธาน อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมป่าไม้ หรือผู้ที่อธิบดีกรมดังกล่าวมอบหมาย และบุคคลอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกินสามคน เป็นกรรมการ หัวหน้ากองสัมปทาน กรมทรัพยากรธรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา ๑๙  ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๒๐  กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี

กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

มาตรา ๒๑  กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนถึงวาระเมื่อ

(๑) ลาออก

(๒) รัฐมนตรีให้ออก

(๓) เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ

(๔) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่คดีที่เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท

เมื่อกรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ รัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้อื่นแทนได้

กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามวรรคสองอยู่ในตำแหน่งตามวาระของกรรมการซึ่งตนแทน

มาตรา ๒๒  การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนของกรรมการทั้งหมด จึงเป็นองค์ประชุม

ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

มาตรา ๒๓  การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก

กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๒๔  ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ถ้าคณะกรรมการเห็นสมควรจะแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อให้ทำการใด ๆ ตามที่มอบหมาย หรือจะเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็น ก็ให้กระทำได้

ให้นำมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

หมวด ๓

การสำรวจแร่และการผูกขาดสำรวจแร่

มาตรา ๒๕  ห้ามมิให้ผู้ใดสำรวจแร่ในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งสำรวจแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่หรืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

มาตรา ๒๖  นอกจากค่าธรรมเนียมการออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรนั้นต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ซึ่งได้รับอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่อีกต่างหากและต้องชำระล่วงหน้า

มาตรา ๒๗  อาชญาบัตรสำรวจแร่หรืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ให้ใช้ได้เฉพาะตัวผู้ถืออาชญาบัตร และให้คุ้มถึงผู้แทนและลูกจ้างของผู้ถืออาชญาบัตรด้วย

มาตรา ๒๘  ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรสำรวจแร่ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เป็นผู้ออกอาชญาบัตรสำรวจแร่ และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตก็ได้

อาชญาบัตรสำรวจแร่ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก

มาตรา ๒๙  ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่พร้อมกับแผนที่แสดงเขตที่จะขอนั้น

คำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กแต่ละคำขอจะขอได้ไม่เกินสามพันไร่ เว้นแต่คำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กในทะเล

รัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก

อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก

มาตรา ๓๐  การออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กในทะเล รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเนื้อที่ให้แก่ผู้ขอแต่ละบุคคลได้ไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนไร่และกำหนดอายุอาชญาบัตรได้ไม่เกินสองปีนับแต่วันออก

               มาตรา ๓๑  เมื่อได้รับคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะได้รังวัดกำหนดเขตให้ผู้ยื่นคำขอหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้นำรังวัดตามวันเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดเป็นหนังสือ

                อธิบดีมีอำนาจสั่งยกคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กเสียได้ เมื่อผู้ยื่นคำขอขาดนัดในการนำรังวัดโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งในการดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก

มาตรา ๓๒  ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กจะต้องสำรวจแร่ภายในกำหนดเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันได้รับอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก

               มาตรา ๓๓  รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กเสียได้ เมื่อผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กไม่สำรวจแร่ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา ๓๒ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก

มาตรา ๓๔  ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็ก ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดี

               การขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็ก ให้กำหนดเขตเป็นแปลง แต่ละแปลงให้กำหนดเขตทั้งอำเภอหรือกิ่งอำเภอซึ่งรวมกันไม่เกินสองเขต ไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือไม่ โดยให้ถือตามเขตปกครองท้องที่ของกระทรวงมหาดไทย

ผู้ขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กผู้หนึ่งจะขอได้ไม่เกินสองแปลง

ความในวรรคสองและวรรคสามไม่ใช้บังคับแก่การขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กในทะเล

              มาตรา ๓๕  ผู้ขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กต้องแสดงฐานะแห่งสินทรัพย์ แผนงาน และวิธีดำเนินการสำรวจแร่เหล็กโดยละเอียด รวมทั้งแจ้งชื่อผู้ควบคุมการสำรวจซึ่งต้องเป็นวิศวกรหรือนักธรณีวิทยาที่กรมทรัพยากรธรณีเห็นชอบ

               มาตรา ๓๖  อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กอาจออกทับที่ในเขตเนื้อที่ที่มีผู้ยื่นคำขอหรือผู้ที่ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก หรือที่มีผู้ยื่นคำขอ หรือผู้ได้รับอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กอยู่แล้วได้ แต่จะสำรวจแร่เหล็กในเขตเนื้อที่ที่มีผู้ได้รับประทานบัตรทำเหมืองอยู่แล้วมิได้

               ถ้ามีเขตที่มีผู้ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่เหล็กอยู่แล้วในเขตที่ขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กแปลงใด การออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กจะกระทำได้โดยยกเว้นเขตที่มีผู้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่เหล็กอยู่แล้วในแปลงนั้น

มาตรา ๓๗  อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็กอาจออกทับที่ในเขตเนื้อที่ที่มีผู้ยื่นคำขอหรือผู้ได้รับอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กได้

มาตรา ๓๘  รัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็ก

อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กให้มีอายุสองปีนับแต่วันออก

มาตรา ๓๙  การออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กในทะเล รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเนื้อที่ให้แก่ผู้ขอแต่ละบุคคลได้ไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนไร่และกำหนดอายุอาชญาบัตรได้ไม่เกินสองปีนับแต่วันออก

มาตรา ๔๐  ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กต้องปฏิบัติการไปตามแผนงาน วิธีดำเนินการ และใช้ผู้ควบคุมการสำรวจที่ได้แสดงไว้ตามมาตรา ๓๕

                ในกรณีที่ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กประสงค์จะเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติ หรือเปลี่ยนผู้ควบคุมการสำรวจดังกล่าวในวรรคหนึ่ง จะต้องได้รับความเห็นชอบเป็นหนังสือจากรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายก่อนจึงจะกระทำได้

                มาตรา ๔๑  ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กต้องรายงานผลการดำเนินงานและการสำรวจให้กรมทรัพยากรธรณีทราบทุกระยะหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันได้รับอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็ก และถ้าผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กสำรวจพบแร่ที่มิใช่แร่เหล็กต้องแจ้งให้กรมทรัพยากรธรณีทราบโดยพลัน

มาตรา ๔๒  ถ้าผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๐ หรือมาตรา ๔๑ รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็กนั้นเสียได้

หมวด ๔

การทำเหมือง

 

มาตรา ๔๓  ห้ามมิให้ผู้ใดทำเหมืองในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งทำเหมืองนั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับประทานบัตรหรือใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว

มาตรา ๔๔  ผู้ใดประสงค์จะขอประทานบัตร ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ พร้อมกับแผนที่แสดงเขตที่จะขอประทานบัตร กับระบุชนิดแร่และวิธีการทำเหมือง

คำขอประทานบัตรแต่ละคำขอจะขอได้เขตหนึ่งไม่เกินสามร้อยไร่ เว้นแต่คำขอประทานบัตรทำเหมืองในทะเล

มาตรา ๔๕  การออกประทานบัตรทำเหมืองในทะเล รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเขตเหมืองแร่ให้แก่ผู้ขอแต่ละบุคคลได้ไม่เกินห้าหมื่นไร่

               มาตรา ๔๖  ในเขตเนื้อที่ที่ได้มีผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่มิใช่แร่เหล็ก ผู้อื่นจะยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่มิใช่แร่เหล็กหรือแร่เหล็กมิได้ เว้นแต่ผู้อื่นนั้นเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นตามกฎหมายที่ดิน

ในเขตเนื้อที่ที่ได้มีผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็ก ผู้อื่นจะยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เหล็กมิได้

ในเขตเนื้อที่ที่มีผู้ที่ยื่นคำขอหรือที่ได้มีผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่เหล็ก ผู้อื่นจะยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่มิใช่แร่เหล็กได้

มาตรา ๔๗  เมื่อได้รับคำขอประทานบัตรแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะได้รังวัดกำหนดเขต ให้ผู้ยื่นคำขอหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้นำรังวัดตามวันเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดเป็นหนังสือ

                อธิบดีมีอำนาจสั่งยกคำขอประทานบัตรเสียได้ เมื่อผู้ยื่นคำขอขาดนัดในการนำรังวัดโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งในการดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อออกประทานบัตร

              มาตรา ๔๘  เพื่อประโยชน์แก่การรังวัด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานของพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในที่ดินของผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองในเวลากลางวันได้ แต่จะต้องแจ้งให้ผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองทราบเสียก่อนและให้ผู้มีสิทธิในที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นอำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณี

ในกรณีต้องสร้างหมุดหลักฐานการแผนที่ในที่ของผู้ใด พนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานของพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสร้างหมุดหลักฐานลงได้ตามความจำเป็น

               ในการรังวัด เมื่อมีความจำเป็นและโดยสมควร พนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานของพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะขุดดิน ตัดต้นไม้หรือรานกิ่งไม้ หรือกระทำการอย่างอื่นแก่สิ่งที่กีดขวางต่อการรังวัดได้เท่าที่จำเป็น  ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการที่จะให้เจ้าของได้รับความเสียหายน้อยที่สุด

              มาตรา ๔๙  เมื่อได้รังวัดกำหนดเขตแล้ว ให้ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ประกาศโฆษณาการขอประทานบัตรของผู้ยื่นคำขอ โดยปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ ที่ทำการอำเภอและตำบลท้องที่ที่ขอประทานบัตรแห่งละหนึ่งฉบับ เมื่อไม่มีผู้โต้แย้งภายในกำหนดเวลาสิบห้าวันนับแต่วันปิดประกาศ ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่จะได้ดำเนินการสำหรับคำขอนั้นต่อไป

มาตรา ๕๐  ถ้าที่ซึ่งขอประทานบัตรเป็นที่อันมิใช่ที่ว่าง หรือมีที่อันมิใช่ที่ว่างรวมอยู่ในเขต ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงหลักฐานให้เป็นที่พอใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองในเขตที่นั้นได้

ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอนำหนังสืออนุญาตของผู้มีสิทธิในที่นั้นมาแสดงว่า ผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองได้ หนังสือนั้นต้องมีคำรับรองของนายอำเภอประจำท้องที่ประกอบด้วย

มาตรา ๕๑  เมื่อได้รังวัดกำหนดเขตแล้ว ถ้าผู้ยื่นคำขอประทานบัตรประสงค์จะลงมือทำเหมืองก่อนได้รับประทานบัตรให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ออกใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี

ใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวให้มีอายุหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก

ผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวมีสิทธิ หน้าที่และความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้เช่นเดียวกับผู้ถือประทานบัตร แต่จะโอนใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวมิได้

               มาตรา ๕๒  หลักหมายเขตเหมืองแร่ หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำไว้ในการรังวัดกำหนดเขตการทำเหมืองนั้น ถ้ามีการสูญหาย ผู้ถือประทานบัตรมีหน้าที่ต้องรับผิดสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นในการที่จะต้องมีการรังวัดทำหลักหมายเขตเหมืองแร่หรือหมุดหลักฐานการแผนที่ใหม่

มาตรา ๕๓  รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวได้ในกรณีที่มีเหตุที่จะเพิกถอนประทานบัตรตามพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้น

เมื่อรัฐมนตรีได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวรายใดแล้ว ให้คำขอประทานบัตรรายนั้นเป็นอันตกไป

มาตรา ๕๔  รัฐมนตรีเป็นผู้ออกประทานบัตร

                ประทานบัตรให้มีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีนับแต่วันออก และในกรณีที่ผู้ขอประทานบัตรได้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวอยู่ก่อนแล้ว ให้นับอายุประทานบัตรเริ่มต้นนับแต่วันออกใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวฉบับแรก

ในกรณีที่อายุของใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวรายใดที่ได้ออกให้แล้วรวมกันมากกว่ากำหนดอายุของประทานบัตรที่จะออกให้ ก็ให้งดการออกประทานบัตรรายนั้น

                ประทานบัตรใดได้กำหนดอายุไว้ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี เมื่อผู้ถือประทานบัตรยื่นคำขอต่ออายุก่อนครบกำหนดไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ รัฐมนตรีจะต่ออายุประทานบัตรให้อีกก็ได้ แต่เมื่อรวมกำหนดเวลาทั้งหมดต้องไม่เกินยี่สิบห้าปี

                 เมื่อผู้ถือประทานบัตรได้ยื่นคำขอต่ออายุตามความในวรรคสี่แล้ว แม้ประทานบัตรจะสิ้นอายุแล้ว ก็ให้ผู้นั้นทำเหมืองต่อไปได้เสมือนเป็นผู้ถือประทานบัตร  ทั้งนี้ ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประทานบัตรสิ้นอายุ แต่ถ้าทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ได้มีหนังสือแจ้งการปฏิเสธของรัฐมนตรีไม่ต่ออายุประทานบัตรให้ในระหว่างเวลานั้น ก็ให้ถือว่าสิทธิในการทำเหมืองของผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันรับแจ้งนั้น

มาตรา ๕๕  นอกจากค่าธรรมเนียมการออกประทานบัตรผู้ถือประทานบัตรต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการทำเหมืองตามจำนวนเนื้อที่ตลอดเขตเหมืองแร่อีกต่างหาก และต้องชำระล่วงหน้าแต่ละปี

มาตรา ๕๖  สิทธิตามประทานบัตรไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

                 มาตรา ๕๗  ผู้ถือประทานบัตรจะต้องทำเหมืองตามวิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประทานบัตร และถ้าจะมีการเพิ่มเติมชนิดของแร่ที่จะทำเหมืองหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการและเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ถือประทานบัตรจะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีก่อนจึงจะทำได้

               มาตรา ๕๘  การเตรียมการเพื่อการทำเหมือง เช่น การปลูกสร้างอาคาร ขุดทางน้ำ ทำทำนบ หรือทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในเนื้อที่เพื่อประโยชน์แก่การทำเหมืองรวมถึงการก่อสร้างหรือติดตั้งเครื่องทุ่นแรง ให้ถือว่าเป็นการทำเหมือง

                มาตรา ๕๙  การปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมือง การจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่หรือการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายจะกระทำนอกเขตเหมืองแร่มิได้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น

ผู้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ในการนั้นเสมือนหนึ่งการใช้เนื้อที่ในการทำเหมือง

มาตรา ๖๐  ผู้ถือประทานบัตรต้องทำเหมืองโดยมีคนงานในการทำเหมือง และเวลาทำการดังนี้

               (๑) ต้องมีคนงานทำการทุก ๆ ระยะเวลาสิบสองเดือน เมื่อเฉลี่ยเป็นรายเดือนแล้ว ไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งคนต่อเนื้อที่สองไร่ เศษของสองไร่ให้นับเป็นสองไร่ แต่สำหรับกรณีที่การทำเหมืองใช้เครื่องกลทุ่นแรง ให้คำนวณกำลังของเครื่องกลทุ่นแรงนั้นแทนคนงานที่ต้องมีตามเนื้อที่นั้นได้โดยอัตราหนึ่งแรงม้าต่อแปดคน

(๒) ต้องมีเวลาทำการรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันในทุก ๆ ระยะเวลาสิบสองเดือน

ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรคนเดียวมีประทานบัตรหลายฉบับ สำหรับประทานบัตรที่มีเขตติดต่อกัน ให้ถือเป็นเหมืองเดียวกันในการมีคนงานทำการและเวลาทำการดังเกณฑ์ที่กล่าวข้างต้น

                ผู้ถือประทานบัตรหลายคนที่มีเขตเหมืองแร่ติดต่อกันอาจร่วมโครงการทำเหมืองเป็นเหมืองเดียวกันได้ โดยยื่นคำขอและรับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ ในการนี้ให้ใช้เกณฑ์มีคนงานทำการและเวลาทำการเสมือนเป็นเหมืองเดียวกันดังกล่าวข้างต้น

               มาตรา ๖๑  ถ้าผู้ถือประทานบัตรไม่สามารถทำเหมืองตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖๐ ได้ ก็ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตหยุดการทำเหมืองตลอดทั้งเขตหรือบางส่วนของเขตเหมืองแร่ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่จะออกใบอนุญาตหยุดการทำเหมืองให้ผู้ถือประทานบัตรได้คราวละไม่เกินหนึ่งปี

               มาตรา ๖๒  ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใกล้ทางหลวงหรือทางน้ำสาธารณะภายในระยะห้าสิบเมตร เว้นแต่ประทานบัตรกำหนดไว้ให้ทำได้ หรือได้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น

                มาตรา ๖๓  ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรปิดกั้น ทำลาย หรือกระทำด้วยประการใดให้เป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ทางหลวงหรือทางน้ำสาธารณะ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น

                 มาตรา ๖๔  ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรทดน้ำหรือชักน้ำจากทางน้ำสาธารณะ ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น

คำขอรับใบอนุญาตทดน้ำหรือชักน้ำจากทางน้ำสาธารณะ ให้แสดงแผนที่และวิธีการที่จะทดน้ำหรือชักน้ำโดยละเอียด

                 มาตรา ๖๕  ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่มีอำนาจออกใบอนุญาตให้ผู้ถือประทานบัตรในเขตเหมืองแร่รายหนึ่งทำทางไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางถ่ายน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายผ่านเขตเหมืองแร่ของผู้ถือประทานบัตรรายอื่นได้ แต่ถ้าได้ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นเพราะการนั้น ผู้ถือประทานบัตรซึ่งได้รับใบอนุญาตดังกล่าวต้องรับผิดใช้ค่าทดแทน

              มาตรา ๖๖  ในกรณีจำเป็นรัฐมนตรีมีอำนาจออกใบอนุญาตให้ผู้ถือประทานบัตรในเขตเหมืองแร่รายหนึ่งปล่อยน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายเพื่อเก็บขังในเขตเหมืองแร่ของผู้ถือประทานบัตรรายอื่นได้ เมื่อเขตที่จะเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนั้นเป็นที่ซึ่งขุดเอาแร่แล้ว หรือเป็นที่ซึ่งไม่มีแร่พอทำเหมือง แต่ถ้าได้ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นเพราะการนั้น ผู้ถือประทานบัตรซึ่งได้รับใบอนุญาตดังกล่าวต้องรับผิดใช้ค่าทดแทน

ผู้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่แทนผู้ถือประทานบัตรรายที่ถูกใช้เนื้อที่สำหรับเนื้อที่ที่ใช้เก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนั้น

มาตรา ๖๗  ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรปล่อยน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทราย อันเกิดจากการทำเหมืองออกนอกเขตเหมืองแร่ เว้นแต่น้ำนั้นจะมีความขุ่นข้นหรือมูลดินทรายไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีจำเป็น รัฐมนตรีมีอำนาจออกใบอนุญาตยกเว้นการบังคับตามวรรคหนึ่งได้ โดยกำหนดเงื่อนไขตามที่เห็นสมควร

                มาตรา ๖๘  น้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายที่ผู้ถือประทานบัตรปล่อยออกนอกเขตเหมืองแร่ แม้ได้ปฏิบัติตามมาตรา ๖๗ แล้วก็ดี ผู้ถือประทานบัตรจะต้องจัดการป้องกันมิให้น้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนั้นไปทำให้ทางน้ำสาธารณะตื้นเขินหรือเสื่อมประโยชน์แก่การใช้ทางน้ำนั้น

                ในกรณีจำเป็นรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดทางน้ำสาธารณะ เพื่อให้ผู้ถือประทานบัตรรายหนึ่งหรือหลายรายใช้เป็นที่สำหรับปล่อยถ่ายน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทราย โดยกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรเสียค่าตอบแทนเพื่อคุ้มค่าบำรุงรักษาและชดใช้ความเสียหาย และกำหนดเงื่อนไขตามที่เห็นสมควร

มาตรา ๖๙  ในการทำเหมืองหรือแต่งแร่ ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรกระทำหรือละเว้นกระทำการใดอันน่าจะเป็นเหตุให้แร่ที่มีพิษหรือสิ่งอื่นที่มีพิษก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน

             มาตรา ๗๐  พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในเขตเหมืองแร่เพื่อตรวจการทำเหมืองได้ทุกเวลา ให้ผู้ครอบครองเขตเหมืองแร่นั้นอำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณี และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ถือประทานบัตรให้จัดการป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากการทำเหมืองหรือแต่งแร่ได้

              มาตรา ๗๑  ในกรณีที่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เห็นว่าการทำเหมืองหรือแต่งแร่จะเป็นอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ถือประทานบัตรให้เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขวิธีการทำเหมืองหรือแต่งแร่ตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายนั้นได้ และมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้หยุดการทำเหมืองหรือแต่งแร่เสียทั้งสิ้น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดได้ตามที่เห็นสมควร

             มาตรา ๗๒  บรรดาขุม หลุม หรือปล่อง ที่ไม่ได้ใช้ในการทำเหมืองแล้ว ให้ผู้ถือประทานบัตรจัดการถมหรือทำที่ดินให้เป็นตามเดิมเสียทุกแห่ง ไม่ว่าประทานบัตรนั้นจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ เว้นแต่ประทานบัตรได้กำหนดเป็นอย่างอื่น หรือทรัพยากรธรณีประจำท้องที่จะได้สั่งเป็นหนังสือกำหนดเป็นอย่างอื่นด้วยความเห็นชอบของอธิบดี

              ในกรณีที่มิได้มีการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ถือประทานบัตรนั้นจัดการถมหรือทำที่ดินให้เป็นตามเดิม ผู้ถือประทานบัตรต้องปฏิบัติให้เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๗๓  ผู้ถือประทานบัตรมีสิทธิในเขตเหมืองแร่ เฉพาะแต่

(๑) ทำเหมืองและขายแร่ที่ระบุในประทานบัตร ส่วนแร่อื่นซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองนั้น ผู้ถือประทานบัตรจะขายได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี

(๒) ปลูกสร้างอาคารหรือกระทำการอื่นเกี่ยวกับการทำเหมือง รวมทั้งการแต่งแร่หรือการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทราย

(๓) ใช้ที่ดินในเขตเหมืองแร่ ที่ขุดเอาแร่แล้วหรือที่มีแร่ไม่สมบูรณ์พอที่จะเปิดการทำเหมือง เพื่อเกษตรกรรมในระหว่างอายุประทานบัตร แต่ทั้งนี้เมื่อสิ้นอายุประทานบัตรแล้วมิให้ถือว่าเป็นการได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง

(๔) นำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีที่มีผู้โต้แย้งหรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมือง

                มาตรา ๗๔  ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรนำหรือยอมให้ผู้อื่นนำมูลแร่ตลอดจนมูลดินทราย ออกจากเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น

มาตรา ๗๕  ประทานบัตรให้ใช้ได้เฉพาะตัวผู้ถือประทานบัตร และให้คุ้มถึงผู้แทนและลูกจ้างของผู้ถือประทานบัตรด้วย

มาตรา ๗๖  ห้ามมิให้ผู้ถือประทานบัตรยอมให้ผู้อื่นรับช่วงการทำเหมืองไม่ว่าเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของเขตเหมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมาย

                 มาตรา ๗๗  เมื่อผู้ถือประทานบัตรประสงค์จะให้ผู้อื่นรับช่วงการทำเหมือง ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ระบุบุคคลผู้จะรับช่วงการทำเหมืองในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ภายในอายุของประทานบัตรและส่วนของเขตเหมืองแร่ที่จะให้รับช่วงการทำเหมือง

                 รัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ออกใบอนุญาตให้มีการรับช่วงการทำเหมืองได้ตามที่จะพิจารณาเห็นสมควร และในการนี้จะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตนั้นก็ได้ ผู้ถือประทานบัตรที่ได้ให้ผู้อื่นรับช่วงการทำเหมืองดังกล่าวในวรรคหนึ่ง คงมีหน้าที่และความรับผิดตามกฎหมาย และให้ผู้รับช่วงการทำเหมืองนั้นมีสิทธิหน้าที่และความรับผิดตามกฎหมายเสมือนเป็นผู้ถือประทานบัตรด้วย

                 มาตรา ๗๘  ผู้ถือประทานบัตรผู้ใดประสงค์จะโอนประทานบัตรให้แก่ผู้อื่น ให้ผู้ถือประทานบัตรและผู้จะรับโอนยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เพื่อเสนอตามลำดับไปยังรัฐมนตรี เมื่อรัฐมนตรีได้สั่งอนุญาตให้โอนได้ และเมื่อผู้ถือประทานบัตรได้ชำระหนี้สินตามพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระแก่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่แล้ว จึงจะทำการโอนประทานบัตรนั้นได้

มาตรา ๗๙  ในการโอนประทานบัตร ให้ผู้ถือประทานบัตรและผู้จะรับโอนหรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ นำประทานบัตรและเอกสารเกี่ยวกับการทำเหมืองมาจดทะเบียนการโอนต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

มาตรา ๘๐  ในการโอนประทานบัตร นอกจากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอโอนและค่าธรรมเนียมการโอนแล้ว ผู้โอนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองที่ตนพึงได้รับอีกด้วย

ค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง ให้เรียกเก็บเฉพาะแต่ในส่วนที่เป็นค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตร โดยไม่รวมถึงค่าตอบแทนการโอนทรัพย์สินอื่น

               ในกรณีที่ผู้โอนแจ้งว่าไม่มีค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง หรือในกรณีที่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เห็นว่าค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองที่แจ้งต่ำกว่าที่ควร ให้ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ประเมินค่าสิทธิทำเหมืองที่จะโอนตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด และให้นำจำนวนเงินค่าสิทธิทำเหมืองตามที่ประเมินนั้นมาคำนวณเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมืองตามที่ประเมินนั้น

การโอนประทานบัตรอันเป็นการให้โดยเสน่หาแก่บิดา มารดา สามี ภริยา หรือผู้สืบสันดานของผู้โอนเอง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง

                มาตรา ๘๑  ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรตาย ให้ทายาทยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เพื่อรับโอนประทานบัตรโดยการตกทอดภายในเก้าสิบวันนับแต่วันผู้ถือประทานบัตรตาย มิฉะนั้นให้ถือว่าประทานบัตรนั้นสิ้นอายุเมื่อครบเก้าสิบวันนั้น

การโอนประทานบัตรโดยการตกทอด ผู้รับโอนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิทำเหมือง

               ในกรณีที่ทายาทของผู้ถือประทานบัตรยื่นคำขอรับโอนประทานบัตรโดยการตกทอดภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวในวรรคหนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำเหมืองต่อไปได้เสมือนเป็นผู้ถือประทานบัตร แต่ถ้ารัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่าทายาทนั้นไม่สมควรจะเป็นผู้รับโอนประทานบัตร รัฐมนตรีจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้รับโอนก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าประทานบัตรนั้นสิ้นอายุนับแต่วันรับแจ้งคำสั่งนั้นจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ให้นำความในสามวรรคก่อนมาใช้บังคับแก่ผู้อนุบาลโดยอนุโลม

มาตรา ๘๒  ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย ประทานบัตรนั้นเป็นอันสิ้นอายุ

มาตรา ๘๓  ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรเป็นนิติบุคคลและสภาพนิติบุคคลสิ้นสุดลง ประทานบัตรนั้นเป็นอันสิ้นอายุ

                มาตรา ๘๔  ผู้ถือประทานบัตรอาจเวนคืนประทานบัตรได้โดยยื่นคำขอและมอบประทานบัตรต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ ในกรณีเช่นนี้ให้ประทานบัตรนั้นสิ้นอายุเมื่อครบกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ได้รับคำขอเวนคืนประทานบัตรนั้น เว้นแต่ผู้ถือประทานบัตรกับทรัพยากรธรณีประจำท้องที่จะตกลงกันให้สิ้นอายุในระยะเวลาน้อยกว่านั้น

มาตรา ๘๕  ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ไม่อาจติดต่อถึงได้ รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนประทานบัตรนั้นเสียได้

               มาตรา ๘๖  ผู้ถือประทานบัตรใดไม่ชำระหนี้อันพึงต้องชำระตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ได้บอกกล่าวเป็นหนังสือให้ชำระแล้ว และไม่ชำระภายในเก้าสิบวันนับแต่วันรับคำบอกกล่าว รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนประทานบัตรนั้นเสียได้

มาตรา ๘๗  ในกรณีที่รัฐมนตรีมีคำสั่งเพิกถอนประทานบัตรใด ประทานบัตรนั้นเป็นอันสิ้นอายุนับแต่วันรับแจ้งคำสั่งนั้นจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

มาตรา ๘๘  เมื่อประทานบัตรใดสิ้นอายุ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรยื่นคำขอต่ออายุและยังมิได้มีการปฏิเสธของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๔

หมวด ๕

การขุดหาแร่รายย่อยและการร่อนแร่

 

มาตรา ๘๙  ห้ามมิให้ผู้ใดขุดหาแร่รายย่อยหรือร่อนแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย หรือใบอนุญาตร่อนแร่

                มาตรา ๙๐  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อยหรือใบอนุญาตร่อนแร่ ให้ยื่นคำขอต่อนายอำเภอท้องที่ แล้วให้นายอำเภอท้องที่ส่งเรื่องไปให้ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายพิจารณาออกใบอนุญาต

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเป็นผู้ออกใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อยหรือใบอนุญาตร่อนแร่ และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตก็ได้

ใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย หรือใบอนุญาตร่อนแร่ ให้มีอายุเพียงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ออก

มาตรา ๙๑  หลักเกณฑ์และวิธีการในการออกใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อยหรือใบอนุญาตร่อนแร่ การพักใช้ใบอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง

หมวด ๖

การซื้อแร่ การขายแร่และการเก็บแร่

 

มาตรา ๙๒  ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อแร่เพื่อประกอบธุรกิจ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตซื้อแร่จากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่หรือเป็นการซื้อแร่จากผู้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย หรือเป็นการซื้อโลหะที่ได้จากโลหกรรม

มาตรา ๙๓  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตซื้อแร่ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ที่ผู้ขอจะตั้งสถานที่ซื้อแร่

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตซื้อแร่ ในการนี้ให้กำหนดสถานที่ซื้อแร่ และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตซื้อแร่ก็ได้

ใบอนุญาตซื้อแร่ให้มีอายุเพียงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ออก

มาตรา ๙๔  ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ซื้อแร่ในที่อื่นนอกสถานที่ที่ระบุในใบอนุญาตซื้อแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่จากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ถ้าผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ผู้ใดประสงค์จะให้ผู้อื่นรับซื้อแร่นอกสถานที่ให้แก่ตน จะต้องระบุชื่อผู้รับซื้อแร่นั้นเพื่อขอรับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ด้วย

การขอและการออกใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ ให้นำมาตรา ๙๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

ใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ให้สิ้นอายุพร้อมกับใบอนุญาตซื้อแร่

               มาตรา ๙๕  ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ต้องแสดงใบอนุญาตนั้นไว้ในที่เปิดเผย ณ สถานที่ที่ระบุในใบอนุญาตซื้อแร่ และในกรณีที่ได้รับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ต้องแสดงรายชื่อผู้ที่ระบุให้รับซื้อแร่นอกสถานที่ให้แก่ตนถ้ามี ไว้ในที่ที่แสดงใบอนุญาตซื้อแร่ด้วย

ผู้ซื้อแร่นอกสถานที่ที่ระบุในใบอนุญาตซื้อแร่ต้องมีใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ติดตัวไปด้วยในขณะที่ซื้อแร่

มาตรา ๙๖  ใบอนุญาตซื้อแร่จะโอนกันมิได้

               มาตรา ๙๗  ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ตาย ถ้าทายาทหรือผู้จัดการมรดกประสงค์จะซื้อแร่ต่อไปตามใบอนุญาต ให้ยื่นคำขอซื้อแร่ตามใบอนุญาตของผู้ตายภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันผู้รับใบอนุญาตตาย พร้อมกับแสดงสิทธิในการรับมรดกหรือจัดการมรดกนั้น ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอซื้อแร่ต่อไปตามใบอนุญาตนั้นได้

               ในกรณีที่ทายาทหรือผู้จัดการมรดกได้ยื่นคำขอซื้อแร่ตามใบอนุญาตของผู้ตายภายในกำหนดดังกล่าวในวรรคหนึ่งก็ให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกนั้นซื้อแร่ต่อไปได้จนกว่าทรัพยากรธรณีประจำท้องที่สั่งไม่อนุญาต ถ้าไม่มีทายาทหรือผู้จัดการมรดกยื่นคำขอซื้อแร่ตามใบอนุญาตของผู้ตายภายในกำหนดดังกล่าวในวรรคหนึ่ง ใบอนุญาตซื้อแร่นั้นเป็นอันสิ้นอายุ นับแต่วันครบกำหนดสามสิบวันจากวันที่ผู้รับใบอนุญาตตาย

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ให้นำความในสองวรรคก่อนมาใช้บังคับแก่ผู้อนุบาลโดยอนุโลม

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย ใบอนุญาตซื้อแร่นั้นเป็นอันสิ้นอายุ

ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่เป็นนิติบุคคลและสภาพนิติบุคคลสิ้นสุดลง ใบอนุญาตซื้อแร่นั้นเป็นอันสิ้นอายุ

มาตรา ๙๘  ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ หรือผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ซื้อแร่ เว้นแต่ผู้ขายแร่จะได้

                (๑) มอบเอกสารตามแบบพิมพ์ของกรมทรัพยากรธรณีให้ เพื่อแสดงว่าแร่ที่ขายนั้นเป็นแร่ที่ได้มาโดยประทานบัตรหรือใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวเลขที่เท่าใด และมีลายมือชื่อของผู้ถือประทานบัตร หรือของผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวนั้น หรือของตัวแทนซึ่งได้จดทะเบียนไว้ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ในเอกสารนั้น

                (๒) มอบเอกสารตามแบบพิมพ์ของกรมทรัพยากรธรณีให้เพื่อแสดงว่า แร่ที่ขายนั้นเป็นแร่ของผู้ขายแร่ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ที่ได้มาโดยใบอนุญาตเลขที่เท่าใด และมีลายมือชื่อของผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ หรือของตัวแทนซึ่งได้จดทะเบียนไว้ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ในเอกสารนั้น

(๓) มอบเอกสารแสดงว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตจากอธิบดีในกรณีพิเศษเฉพาะครั้งที่ขายนั้น หรือ

(๔) แสดงใบอนุญาตร่อนแร่ และแสดงได้ว่าแร่ที่ขายนั้นเป็นแร่ที่ได้มาโดยไม่เกินปริมาณตามใบอนุญาตนั้น

เอกสารที่ผู้ขายแร่มอบให้ตาม (๑) (๒) หรือ (๓) นั้น ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ต้องเก็บไว้เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ตลอดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันซื้อแร่

เอกสารที่ผู้ขายแร่แสดงตาม (๔) ให้ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่บันทึกการซื้อแร่นั้นลงไว้ในรายการขายแร่ในใบอนุญาตร่อนแร่แล้วคืนใบอนุญาตนั้นให้ผู้รับใบอนุญาตร่อนแร่ไปทันที

มาตรา ๙๙  ห้ามมิให้ผู้ใดขายแร่ เว้นแต่ผู้นั้นเป็น

               (๑) ผู้ถือประทานบัตร หรือผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว หรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวซึ่งได้จดทะเบียนไว้ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ขายแร่ที่ได้มาจากการทำเหมืองตามประทานบัตรหรือใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวนั้น

(๒) ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ หรือตัวแทนซึ่งได้จดทะเบียนไว้ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

(๓) ผู้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย หรือเป็นเจ้าของแร่ซึ่งแร่นั้นได้มาจากผู้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย

(๔) ผู้รับใบอนุญาตร่อนแร่

(๕) ผู้รับอนุญาตจากอธิบดีในกรณีพิเศษเฉพาะครั้งที่ขายนั้น หรือ

(๖) ผู้ขายโลหะที่ได้จากโลหกรรม

               มาตรา ๑๐๐  ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิขายแร่ตามมาตรา ๙๙ ขายแร่แก่บุคคลใด นอกจากผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่หรือผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่ เว้นแต่เป็นแร่ที่ได้มาจากการขุดหาแร่รายย่อยหรือเป็นโลหะที่ได้จากโลหกรรมหรือเป็นแร่ที่ส่งขายนอกราชอาณาจักรโดยตรง

               มาตรา ๑๐๑  ห้ามมิให้ผู้ใดเก็บแร่ในทางธุรกิจ ณ ที่ใด ๆ เว้นแต่จะเก็บในสถานที่ซึ่งผู้เก็บได้รับอนุญาตตั้งสถานที่เก็บแร่จากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ หรือเป็นแร่ที่มีไว้ในครอบครองได้ตามมาตรา ๑๐๕

มาตรา ๑๐๒  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตตั้งสถานที่เก็บแร่ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตตั้งสถานที่เก็บแร่ และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตก็ได้

ใบอนุญาตตั้งสถานที่เก็บแร่ให้มีอายุเพียงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ออก

                มาตรา ๑๐๓  อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตที่ออกให้ตามความในหมวดนี้เมื่อปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขในใบอนุญาต หรือมีเหตุอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือความผาสุกของประชาชน

คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้แจ้งไปยังผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าใบอนุญาตนั้นเป็นอันสิ้นอายุนับแต่วันรับแจ้งคำสั่งนั้น

ผู้รับใบอนุญาตที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนต่อรัฐมนตรี โดยยื่นต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันรับแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

ผู้ใดถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว จะขอรับใบอนุญาตอีกไม่ได้ จนกว่าจะพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันถูกเพิกถอนใบอนุญาต

หมวด ๗

การชำระค่าภาคหลวงแร่ การมีแร่ไว้ในครอบครอง และการขนแร่

 

มาตรา ๑๐๔  ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว หรือผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่ ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ ดังต่อไปนี้

(๑) ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่ให้ครบถ้วนตามปริมาณแร่ก่อนที่จะขนแร่ออกจากเขตเหมืองแร่หรือเขตที่ได้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว

(๒) ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ได้ซื้อแร่จากผู้รับใบอนุญาตร่อนแร่ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่สำหรับแร่ที่ซื้อในเดือนที่แล้วมาภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดจากเดือนที่ซื้อ

               (๓) ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตร ผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว หรือผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ ขนแร่ไปยังเขตแต่งแร่หรือเขตโลหกรรม บุคคลดังกล่าวจะขอผัดการชำระค่าภาคหลวงแร่ไว้ก่อนจนกว่าจะแต่งแร่หรือประกอบโลหกรรมนั้นแล้วเสร็จก็ได้ แต่ต้องวางเงินประกันการชำระค่าภาคหลวงแร่ไว้ต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ตามที่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่กำหนด

มาตรา ๑๐๕  ห้ามมิให้ผู้ใดมีแร่ไว้ในครอบครองแต่ละชนิดเกินกว่าสองกิโลกรัม เว้นแต่

(๑) เป็นแร่ที่ได้รับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครอง

(๒) เป็นแร่ที่ได้มาจากการสำรวจแร่เพื่อการวิเคราะห์

(๓) ในเขตเหมืองแร่หรือเขตที่ได้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว

(๔) ในสถานที่เก็บแร่ตามใบอนุญาตตั้งสถานที่เก็บแร่

(๕) ในระหว่างขนแร่หรือในสถานที่พักแร่ตามที่กำหนดในใบอนุญาตขนแร่

(๖) ในสถานที่ซื้อแร่ตามใบอนุญาตซื้อแร่

(๗) เป็นแร่ในเขตแต่งแร่หรือเขตโลหกรรม ซึ่งได้มาตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตแต่งแร่ หรือใบอนุญาตประกอบโลหกรรม

(๘) เป็นแร่ที่ได้มาตามใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย หรือใบอนุญาตร่อนแร่

(๙) เป็นแร่ที่มีไว้ในครอบครองเพื่อการศึกษาหรือวิจัยของส่วนราชการ องค์การของรัฐหรือสถาบันการศึกษา หรือ

(๑๐) เป็นแร่ในสภาพวัตถุสำเร็จรูปที่เป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับ ปฏิมากร หรือผลผลิตจากกรรมวิธีของโลหกรรมหรืออุตสาหกรรม

มาตรา ๑๐๖  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครอง ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครอง ในการนี้ให้กำหนดสถานที่ที่จะมีแร่นั้นไว้ในครอบครอง และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตนั้นก็ได้

                ผู้รับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองจะมีแร่ไว้ในครอบครองได้แต่เฉพาะในสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองนั้นเท่านั้น ในกรณีนี้ผู้รับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองไม่ต้องรับใบอนุญาตตั้งสถานที่เก็บแร่ แต่ต้องได้รับใบอนุญาตขนแร่เมื่อจะขนแร่ออกจากสถานที่นั้น

ใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองให้มีอายุเพียงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ออก

มาตรา ๑๐๗  ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองตาย ให้ถือว่าผู้มีแร่นั้นไว้ในครอบครองเป็นผู้รับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตนั้นต่อไปจนกว่าใบอนุญาตสิ้นอายุ

มาตรา ๑๐๘  ห้ามมิให้ผู้ใดขนแร่ในที่ใด เว้นแต่

(๑) เป็นแร่ที่ได้รับใบอนุญาตขนแร่

(๒) เป็นแร่ที่ได้มาจากการสำรวจแร่เพื่อการวิเคราะห์

                (๓) เป็นการขนแร่ในเขตเหมืองแร่หรือเขตที่ได้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวในเขตแต่งแร่ เขตโลหกรรม ภายในสถานที่ซื้อแร่ตามใบอนุญาตซื้อแร่ สถานที่เก็บแร่ หรือสถานที่พักแร่

(๔) ในกรณีขนแร่ของผู้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย หรือผู้รับใบอนุญาตร่อนแร่ หรือผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่นอกสถานที่

(๕) เป็นแร่ของเจ้าของแร่ ซึ่งแร่นั้นได้มาจากผู้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อย

(๖) เป็นแร่ที่ขนแต่ละชนิดไม่เกินกว่าสองกิโลกรัม

(๗) เป็นแร่เพื่อการศึกษาหรือวิจัยของส่วนราชการหรือองค์การของรัฐหรือสถาบันการศึกษา

(๘) เป็นแร่ในสภาพวัตถุสำเร็จรูปที่เป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับ ปฏิมากร หรือผลผลิตจากกรรมวิธีของอุตสาหกรรม หรือ

(๙) เป็นโลหะที่ได้จากโลหกรรม นอกจากเป็นการขนออกจากเขตโลหกรรม

                 มาตรา ๑๐๙  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขนแร่ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องแสดงหลักฐานว่า แร่ที่ขอรับใบอนุญาตขนแร่นั้นได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ หรือได้วางเงินประกันการชำระค่าภาคหลวงแร่ครบถ้วนแล้ว

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตขนแร่และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตนั้นก็ได้

               มาตรา ๑๑๐  ผู้รับใบอนุญาตขนแร่จะขนแร่จากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งตามที่กำหนดในใบอนุญาตได้แต่ละคราวเฉพาะตามปริมาณที่กำหนดในใบอนุญาต ถ้าปรากฏว่าแร่ที่ขนนั้นมีปริมาณเกินกว่าที่กำหนดเพียงไม่เกินร้อยละห้า ให้ถือว่าแร่นั้นเป็นแร่ที่ขนตามที่ได้รับอนุญาตให้ขน แต่ผู้รับใบอนุญาตขนแร่ต้องชำระค่าภาคหลวงแร่สำหรับแร่ในปริมาณที่เกินนั้น แต่ถ้าแร่ที่ขนนั้นมีปริมาณเกินกว่าร้อยละห้า ให้ถือว่าแร่ที่ขนทั้งสิ้นนั้นเป็นแร่ที่ขนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

                มาตรา ๑๑๑  ภายใต้บังคับมาตรา ๑๑๒ ผู้รับใบอนุญาตขนแร่จะขนแร่ได้แต่เฉพาะตามชนิดและสภาพที่ระบุในใบอนุญาต ถ้ามีแร่ชนิดอื่นเจือปนกับแร่ที่ขนอันมิใช่เป็นแร่ที่มีเจือปนอยู่ตามธรรมชาติ ให้ถือว่าแร่ที่ขนทั้งสิ้นนั้นเป็นแร่ที่ขนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

                มาตรา ๑๑๒  ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตขนแร่ขนแร่ที่มีแร่ชนิดอื่นเจือปนอยู่ตามธรรมชาติถ้าแร่ที่เจือปนนั้นเป็นแร่ที่ได้กำหนดชนิดและปริมาณการเจือปนไว้ในกฎกระทรวง เว้นแต่ในใบอนุญาตจะได้ระบุชนิดของแร่ที่เจือปนนั้นไว้ และผู้รับใบอนุญาตขนแร่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย

ในกรณีขนแร่ที่มีแร่ชนิดอื่นเจือปนอยู่โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าแร่ที่ขนทั้งสิ้นนั้นเป็นแร่ที่ขนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

                มาตรา ๑๑๓  ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรคนเดียวมีประทานบัตรหลายฉบับที่มีเขตติดต่อกัน หรือในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรหลายคนโดยเขตเหมืองแร่เหล่านั้นติดต่อกัน และได้รับอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ให้ร่วมโครงการทำเหมืองเดียวกันแล้ว เพื่อประโยชน์ตามความในหมวดนี้ ให้ถือว่าเขตเหมืองแร่เหล่านั้นเป็นเขตเดียวกัน

หมวด ๘

การแต่งแร่

 

                มาตรา ๑๑๔  ห้ามมิให้ผู้ใดแต่งแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ หรือเป็นผู้ถือประทานบัตรหรือผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราวซึ่งแต่งแร่ภายในเขตเหมืองแร่หรือเขตที่ได้รับใบอนุญาตทำเหมืองชั่วคราว

ให้นำมาตรา ๑๑๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา ๑๑๕  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตแต่งแร่ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตแต่งแร่และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตก็ได้

ใบอนุญาตแต่งแร่ให้มีอายุเพียงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ออก

มาตรา ๑๑๖  ในการแต่งแร่ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่กระทำหรือละเว้นกระทำการใด อันน่าจะเป็นเหตุให้แร่ที่มีพิษหรือสิ่งอื่นที่มีพิษก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืชหรือทรัพย์สิน

                 มาตรา ๑๑๗  พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในเขตแต่งแร่เพื่อตรวจการแต่งแร่ได้ทุกเวลา ให้ผู้ครอบครองเขตแต่งแร่นั้นอำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณี และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ให้จัดการป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากการแต่งแร่ได้

                 มาตรา ๑๑๘  ในกรณีที่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เห็นว่าการแต่งแร่จะเป็นอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืชหรือทรัพย์สิน ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้รับใบอนุญาตแต่งแร่ให้เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขวิธีการแต่งแร่ตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายนั้นได้ และมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือหรือให้หยุดการแต่งแร่เสียทั้งสิ้นหรือส่วนหนึ่งส่วนใดได้ตามที่เห็นสมควร

มาตรา ๑๑๙  อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตแต่งแร่ เมื่อปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขในใบอนุญาต หรือมีเหตุอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือความผาสุกของประชาชน

คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้แจ้งไปยังผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าใบอนุญาตนั้นเป็นอันสิ้นอายุนับแต่วันรับแจ้งคำสั่งนั้น

ผู้รับใบอนุญาตที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนต่อรัฐมนตรี โดยยื่นต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันรับแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

ผู้ใดถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว จะขอรับใบอนุญาตอีกไม่ได้ จนกว่าจะพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันถูกเพิกถอนใบอนุญาต

หมวด ๙

การประกอบโลหกรรม

 

มาตรา ๑๒๐  การประกอบโลหกรรมแร่ชนิดใดปริมาณการผลิตขนาดใดและโดยกรรมวิธีใด จะให้อยู่ในความควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง

มาตรา ๑๒๑  ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบโลหกรรมที่อยู่ในความควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ประกอบโลหกรรมที่กำหนดยกเว้นโดยกฎกระทรวง

มาตรา ๑๒๒  ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

อธิบดีเป็นผู้ออกใบอนุญาตประกอบโลหกรรม และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตก็ได้

ใบอนุญาตประกอบโลหกรรมให้มีอายุตามที่กำหนดในใบอนุญาต แต่ไม่เกินยี่สิบห้าปีนับแต่วันออก และจะต่ออายุก็ได้แต่ต้องกำหนดเวลาไม่เกินยี่สิบห้าปีนับแต่วันต่อ

มาตรา ๑๒๓  ในการประกอบโลหกรรม ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมกระทำหรือละเว้นกระทำการใดอันน่าจะเป็นเหตุให้แร่ที่มีพิษหรือสิ่งอื่นที่มีพิษก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืชหรือทรัพย์สิน

                มาตรา ๑๒๔  พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในเขตโลหกรรมเพื่อตรวจการประกอบโลหกรรมได้ทุกเวลา ให้ผู้ครอบครองเขตโลหกรรมนั้นอำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณี และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมให้จัดการป้องกันอันตราย อันอาจเกิดจากการประกอบโลหกรรมได้

                 มาตรา ๑๒๕  ในกรณีที่ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่เห็นว่าการประกอบโลหกรรมจะเป็นอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืชหรือทรัพย์สิน ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมให้เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขวิธีการประกอบโลหกรรมตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายนั้นได้ และมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้หยุดการประกอบโลหกรรมเสียทั้งสิ้นหรือส่วนหนึ่งส่วนใดได้ตามที่เห็นสมควร

มาตรา ๑๒๖  อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโลหกรรม เมื่อปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขในใบอนุญาต หรือมีเหตุอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือความผาสุกของประชาชน

คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้แจ้งไปยังผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าใบอนุญาตนั้นเป็นอันสิ้นอายุนับแต่วันรับแจ้งคำสั่งนั้น

ผู้รับใบอนุญาตที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนต่อรัฐมนตรี โดยยื่นต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันรับแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

                ในกรณีที่ได้มีการอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตต่อรัฐมนตรี ผู้อุทธรณ์อาจร้องขออนุญาตต่อรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการประกอบโลหกรรมตามใบอนุญาตนั้นไปพลางก่อนในระหว่างรอคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีได้ คำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการประกอบโลหกรรมไปพลางก่อนนั้น รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้

หมวด ๑๐

การคืนค่าภาคหลวงแร่

 

                มาตรา ๑๒๗  แร่ที่ได้ชำระค่าภาคหลวงแร่แล้ว เมื่อผู้ใช้แร่นั้นพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจรัฐมนตรีได้ว่า แร่นั้นได้นำไปใช้ภายในประเทศเพื่ออุตสาหกรรมอันมิใช่โลหกรรม หรือแร่นั้นได้นำไปใช้ภายในประเทศเพื่อพลังงาน รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้คืนค่าภาคหลวงแร่ให้แก่ผู้ใช้นั้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง

ผู้ใดประสงค์จะรับคืนค่าภาคหลวงแร่ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ที่ใช้แร่นั้น

หมวด ๑๑

การนำแร่เข้าหรือการส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักร

 

มาตรา ๑๒๘  การนำเข้าหรือการส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งแร่ชนิดใด ในสภาพอย่างใด ปริมาณเท่าใด จะให้อยู่ในความควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง

มาตรา ๑๒๙  ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้าหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งแร่ที่อยู่ในความควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักร หรือใบอนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักร

มาตรา ๑๓๐  ผู้ใดประสงค์จะนำเข้าหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งแร่ที่อยู่ในความควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่

อธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเป็นผู้ออกใบอนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรหรือใบอนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักร และจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในใบอนุญาตก็ได้

เงื่อนไขตามวรรคสองจะกำหนดให้รวมถึงวิธีการซื้อขายและการใช้แร่ที่จะนำเข้าหรือจะส่งออกนอกราชอาณาจักรด้วยก็ได้

                  มาตรา ๑๓๑  เมื่อมีเหตุอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือเศรษฐกิจของประเทศ รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตนำแร่เข้าในราชอาณาจักรหรือใบอนุญาตส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักรเมื่อใดก็ได้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด ๑๒

บทกำหนดโทษ

 

มาตรา ๑๓๒  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา ๑๓๓  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ หรือมาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๓๔  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๕ มาตรา ๔๐ หรือมาตรา ๔๑ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๒๘ หรือมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๓๕  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

              มาตรา ๑๓๖  ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการตามมาตรา ๔๘ มาตรา ๗๐ มาตรา ๑๑๗ หรือมาตรา ๑๒๔ ถ้าการกระทำนั้นไม่ถึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

มาตรา ๑๓๗  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๗๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนประทานบัตรนั้นเสียได้

              มาตรา ๑๓๘  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๗ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๗ มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙ หรือมาตรา ๗๔ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๕๙ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๗ มาตรา ๖๘ หรือมาตรา ๗๔ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนประทานบัตรนั้นเสียได้

มาตรา ๑๓๙  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๗๒ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท และต้องรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการทำที่ดินนั้นให้เป็นตามเดิม

มาตรา ๑๔๐  ผู้ถือประทานบัตรผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเพิกถอนประทานบัตรนั้นเสียได้

มาตรา ๑๔๑  ผู้ถือประทานบัตรหรือผู้รับช่วงการทำเหมือง ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๗๗ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๔๒  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘๙ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๙๐ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

มาตรา ๑๔๓  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๒ มาตรา ๙๙ หรือมาตรา ๑๐๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๔๔  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๙๓ หรือมาตรา ๑๐๒ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๔๕  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๔ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๔๖  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๕ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

มาตรา ๑๔๗  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙๘ หรือมาตรา ๑๐๐ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๔๘  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๕ มาตรา ๑๐๖ หรือมาตรา ๑๐๘ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๑๐๖ หรือมาตรา ๑๐๙ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท

มาตรา ๑๔๙  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๔ หรือมาตรา ๑๒๑ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๑๑๕ หรือมาตรา ๑๒๒ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๕๐  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๖ หรือมาตรา ๑๒๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๕๑  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๑๘ หรือมาตรา ๑๒๕ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๕๒  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๙ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา ๑๓๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

               บทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร และอำนาจพนักงานศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น เฉพาะอย่างยิ่งที่ว่าด้วยการตรวจ การยึดและริบของ การจับกุมผู้กระทำผิด การแสดงเท็จ และการฟ้องร้องให้นำมาใช้บังคับแก่การนำเข้าหรือส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งแร่ที่อยู่ในความควบคุมตามมาตรา ๑๒๙ ด้วย

มาตรา ๑๕๓  การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ที่ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเปรียบเทียบได้

              มาตรา ๑๕๔  บรรดาแร่ เครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ซึ่งบุคคลได้มา ได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๓๓ มาตรา ๑๓๔ มาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๓๘ มาตรา ๑๔๒ มาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๕ มาตรา ๑๔๗ มาตรา ๑๔๘ หรือมาตรา ๑๕๒ ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

              มาตรา ๑๕๕  ในกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๔๒ มาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๕ มาตรา ๑๔๗ มาตรา ๑๔๘ หรือมาตรา ๑๕๒ เมื่อพนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาลกึ่งหนึ่งแก่ผู้นำจับ แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระกึ่งหนึ่งแก่ผู้นำจับ และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน

ในกรณีที่ไม่มีการชำระเงินค่าปรับต่อศาล ให้จ่ายเงินสินบนจำนวนกึ่งหนึ่งของค่าปรับที่ศาลพิพากษาจากของกลางที่ศาลสั่งริบและขายได้

หมวด ๑๓

บทเฉพาะกาล

 

มาตรา ๑๕๖  บทบัญญัติในมาตรา ๘๙ เฉพาะกรณีขุดหาแร่รายย่อย มาตรา ๑๐๑ มาตรา ๑๐๕ และมาตรา ๑๑๔ มิให้ใช้บังคับจนกว่าจะพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

               มาตรา ๑๕๗  ในระหว่างที่ยังมิได้ออกกฎกระทรวงหรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้ ให้บรรดากฎกระทรวงและประกาศที่ได้ออกตามกฎหมายว่าด้วยการทำเหมืองแร่และใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๑๕๘  ในระหว่างที่ยังมิได้ตรากฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมออกใช้บังคับ ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเกี่ยวกับปิโตรเลียมไปพลางก่อนโดยอนุโลม

มาตรา ๑๕๙  ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจปิโตรเลียม ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดี พร้อมกับแผนที่แสดงเขตที่จะขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจปิโตรเลียม

มาตรา ๑๖๐  ผู้ใดประสงค์จะขอประทานบัตรทำเหมืองปิโตรเลียม ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดี พร้อมกับแผนที่แสดงเขตที่จะขอประทานบัตร

               มาตรา ๑๖๑  รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่ อายุ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและการเรียกผลประโยชน์ตอบแทนที่จะให้แก่รัฐในการออกอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจปิโตรเลียม และการออกประทานบัตรทำเหมืองปิโตรเลียมแตกต่างไปจากบทแห่งพระราชบัญญัตินี้เป็นพิเศษได้

มาตรา ๑๖๒  ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจปิโตรเลียม ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ตามมาตรา ๒๖

ผู้รับใบอนุญาตทำเหมืองปิโตรเลียมชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองปิโตรเลียม ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อใช้เนื้อที่ตามมาตรา ๕๕

               มาตรา ๑๖๓  บรรดาประทานบัตร อาชญาบัตร หรือใบอนุญาต ที่ได้ออกให้ตามกฎหมายที่ถูกยกเลิกตามมาตรา ๓ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นประทานบัตร อาชญาบัตร หรือใบอนุญาตออกตามพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะสิ้นอายุ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

จอมพล ถนอม  กิตติขจร

นายกรัฐมนตรี

บัญชีอัตราค่าธรรมเนียม

เลขลำดับ

รายการ

อัตราค่าธรรมเนียม

๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘

๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

ค่า

คำขอ                                                      ฉบับละ

ค่าอาชญาบัตรสำรวจแร่                                      ฉบับละ

ค่าอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่                              ฉบับละ

ค่าประทานบัตร                                              แปลงละ

ค่าใบอนุญาต                                                 ฉบับละ

ค่าใช้เนื้อที่

(ก) ตามอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

ที่มิใช่แร่เหล็กทุก ๒๐ ไร่ หรือ

เศษของ ๒๐ ไร่                                           ปีละ

(ข) ตามอาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่

เหล็กทุก ๑ ไร่ หรือเศษของ ๑ ไร่                         ปีละ

(ค) ตามประทานบัตรหรือตามใบอนุญาต

ทำเหมืองชั่วคราวทุก ๑ ไร่ หรือ

เศษของ ๑ ไร่                                          ปีละ

ค่ารังวัด ตามความยาวของระยะที่รังวัด

ทุก ๔๐ เมตร หรือเศษของ ๔๐ เมตร

ค่าเขียนหรือจำลองแผนที่ ๕๐ ตารางเซนติเมตร

แรกหรือต่ำกว่า                                          แต่ละแปลง

ทุก ๕๐ ตารางเซนติเมตรต่อไป หรือเศษของ

๕๐ ตารางเซนติเมตร

ค่าไต่สวน                                                     เรื่องละ

ค่าหลักหมายเขตเหมืองแร่                                    หลักละ

ค่าโอนประทานบัตร                                         แปลงละ

ค่าธรรมเนียมในค่าตอบแทนการโอนสิทธิ

ทำเหมืองตามประทานบัตร

ค่าต่ออายุประทานบัตร                                      แปลงละ

ค่าตรวจสอบ ทดลอง หรือวิเคราะห์

ทางวิทยาการ                                             ตัวอย่างละ

ค่าคัดสำเนาหรือถ่ายภาพเอกสาร                             หน้าละ

ค่ารับรองสำเนาเอกสาร                                      ฉบับละ

ค่าขอตรวจสอบเอกสารหลักฐาน                             เรื่องละ

ค่ากรอกแบบพิมพ์คำขอเมื่อผู้ประสงค์

ยื่นคำขอต้องการ                                             ฉบับละ

ค่าใบแทนอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือ

ใบอนุญาต                                                    ฉบับละ

ค่าจดทะเบียนหนังสือมอบอำนาจ                            ฉบับละ

ค่าธรรมเนียมหยุดการทำเหมืองทุก ๑ ไร่

หรือเศษของ ๑ ไร่                                               ปีละ

ค่าธรรมเนียมการทดน้ำหรือชักน้ำ

คำนวณตามปริมาณน้ำที่ใช้ทุกลูกบาศก์เมตร

หรือเศษของลูกบาศก์เมตรต่อ ๑ นาที                           ปีละ

๒๐ บาท

๒๐ บาท

๑๕๐ บาท

๒๐๐ บาท

๕๐๐ บาท

๓ บาท

๖ สตางค์

แต่ไม่ต่ำกว่า ๒๕,๐๐๐ บาท

และไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท

๔ บาท

๖ บาท

๑๐ บาท

๒ บาท

แต่ไม่เกินฉบับละ ๒๐๐ บาท

๒๐ บาท

๓๐ บาท

๕๐ บาท

ร้อยละ ๒

๒๐๐ บาท

๕๐๐ บาท

๕ บาท

๑๐ บาท

๑๐ บาท

๒ บาท

๑๐๐ บาท

๒๐ บาท

๔ บาท

๒๐ บาท

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องด้วยขณะนี้มีกฎหมายแร่อยู่หลายฉบับ สมควรนำมารวมไว้ในที่เดียวกันและปรับปรุงเสียใหม่ โดยให้รัฐมีอำนาจควบคุมการตรวจ การผลิต การรักษาแหล่งแร่ การจำหน่ายแร่ และการโลหกรรม และในเวลาเดียวกันก็อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการทำเหมือง ตลอดถึงการให้ความคุ้มครองแก่กรรมกรและสวัสดิภาพของประชาชนให้เหมาะสมแก่กาลสมัย

พรพิมล/แก้ไข

๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕

ฐิติพร/ปรับปรุง

๑๖ มกราคม ๒๕๕๖

พจนา/ตรวจ

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖

[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๔/ตอนที่ ๑๒๙/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๐