พระราชกฤษฎีกากำหนดป่านากก ในท้องที่ตำบลท้ายช้างและตำบลตากแดด อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ให้เป็นป่าคุ้มครอง พุทธศักราช 2486

พระราชกฤษฎีกา

กำหนดป่านาก  ในท้องที่ตำบลท้ายช้างและตำบล

ตากแดด  อำเภอเมืองพังงา  จังหวัดพังงา  ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พุทธศักราช ๒๔๘๖

----------

                                 ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

                                            คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

                                        (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร

                                         ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐

                                      และวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)

                                                     อาทิตย์ทิพอาภา

                                                     ปรีดี พนมยงค์

                              ตราไว้ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๖

                                           เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน

                        โดยที่เห็นสมควรกำหนดป่านาก  ในท้องที่ตำบลท้ายช้างและตำบลตากแดด

อำเภอเมืองพังงาจังหวัดพังงา  ให้เป็นป่าคุ้มครอง

                        คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช

๒๔๘๑ จึงให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้  ดังต่อไปนี้

                        มาตรา ๑  พระราชกฤษฎีกานี้ให้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่านากก

ในท้องที่ตำบลท้ายช้าง และตำบลตากแดด  อำเภอเมืองพังงา  จังหวัดพังงา  ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พุทธศักราช ๒๔๘๖"

                        มาตรา ๒  ให้ใช้พระราชกฤษฎีกานี้  เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน นับแต่วัน

ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                        มาตรา ๓  ให้ป่านากก  ในท้องที่ตำบลท้ายช้างและตำบลตากแดด  อำเภอเมือง

พังงา จังหวัดพังงา  ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้  เป็นป่าคุ้มครอง

                        มาตรา ๔  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราช

กฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

  พลโท ม. พรหมโยธี

       รัฐมนตรี

[รก.๒๔๘๖/๑๕/๕๕๔/๑๖ มีนาคม ๒๔๘๖]

                                                                                                ชไมพร/พิมพ์

                                                                                                ๒ ตุลาคม ๒๕๔๔