พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าเขาเล่ ป่าโต๊ะตุด ป่ารัดหนองและป่าสามง่อน ให้เป็นป่าคุ้มครอง ในท้องที่ตำบลสะเดา ตำบลปริก และตำบลทุ่งหมอ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พ.ศ.2488

พระราชกฤษฎีกา

กำหนดป่าเขาเล่ ป่าโต๊ะดุด ป่ารัตหนง และป่า

สามง่อน ในท้องที่ตำบลสะเดา ตำบลปริก และตำบล

ทุ่งหมอ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พุทธศักราช ๒๔๘๘

----------

                              ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่อานันทมหิดล

                                           ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

                                    (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร

                                    ลงวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๘)

                                                       ปรีดี พนมยงค์

                                ตราไว้ ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘

                                           เป็นปีที่ ๑๒ ในรัชชกาลปัจจุบัน

                        โดยที่เห็นสมควรกำหนดป่าเขาเล่ ป่าโต๊ะดุด ป่ารัดหนง และป่าสามง่อน ใน

ท้องที่ตำบลสะเดาตำบลปริก และตำบลทุ่งหมอ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ให้เป็นป่าคุ้มครอง

                        ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่ อาศัย

อำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑

จึงให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้

                        มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้ให้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าเขาเล่

ป่าโต๊ะดุด ป่ารัตหนงและป่าสามงอน ในท้องที่ตำบลสะเดา จังหวัดสงขลา ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พุทธศักราช ๒๔๘๘"

                        มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน  นับแต่

วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                        มาตรา ๓ ให้ป่าเขาเถ่ ป่าโต๊ะดุด ป่ารัตหนง และป่าสามง่อน ในท้องที่ตำบล

สะเดา ตำบลปริกและตำบลทุ่งหมอ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ภายในแนวเขตต์ตามแผนที่ท้าย

พระราชกฤษฎีกานี้ เป็นป่าคุ้มครอง

                        มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราช

กฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

      นายกรัฐมนตรี

[รก.๒๔๘๘/๗๓/๗๒๙/ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๘๘]

                                                                                                ชไมพร/พิมพ์

                                                                                                ๒ ตุลาคม ๒๕๔๔