พระราชกฤษฎีกา กำหนดป่าลำแก่น ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ให้เป็น ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2491

พระราชกฤษฎีกา

กำหนดป่าลำแก่น  ในท้องที่ตำบลลำแก่น

อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา  ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พ.ศ. ๒๔๙๑

-----------

                               ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

                            คณะอภิรัฐมนตรี  ในหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

                                                   รังสิต  กรมขุนชัยนาทนเรนทร

                                                                 อลงกฏ

                                                                ธานีนิวัต

                                                              มานวราชเสวี

                                                              อดุลเดชจรัส

                                        ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑

                                                 เป็นปีที่ ๓  ในรัชกาลปัจจุบัน

                        โดยที่เป็นการสมควรกำหนดป่าลำแก่น  ในท้องที่ตำบลลำแก่น  อำเภอ

ท้ายเหมือง  จังหวัดพังงาให้เป็นป่าคุ้มครอง

                        พระมหากษัตริย์อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๖  ของรัฐธรรมนูญแห่ง

ราชอาณาจักรไทย(ฉะบับชั่วคราว)  และมาตรา ๗  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า

พุทธศักราช ๒๔๘๑  จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้  ดังต่อไปนี้

                        มาตรา ๑  พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า  "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าลำแก่น

ในท้องที่ตำบลแก่นอำเภอท้ายเหมือง  จังหวัดพังงา  ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๔๙๑"

                        มาตรา ๒  พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่

วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                        มาตรา ๓  ให้ป่าลำแก่น  ในท้องที่ตำบลลำแก่น  อำเภอท้ายเหมือง  จังหวัด

พังงา  ภายในแนวเขตต์ตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นป่าคุ้มครอง

                        มาตรา ๔  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราช

กฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

  จอมพล ป. พิบูลสงคราม

      นายกรัฐมนตรี

[รก.๒๔๙๑/๗๗/๑๙พ/๓๑ ธันวาคม ๒๔๙๑]

                                                                                                ชไมพร/พิมพ์

                                                                                                ๒ ตุลาคม ๒๕๔๔