พระราชกฤษฎีกา กำหนดป่าควนท่าหิน ควรขี้หมา และควรโต๊ะอม ในท้องที่ตำบลควนขัน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2488

พระราชกฤษฎีกา

กำหนดป่าควนท่าหิน ควนขี้หมา และควนโต๊ะอม

ในท้องที่ตำบลควนขัน อำเภอเมืองสตูล

จังหวัดสตูล  ให้เป็นป่าคุ้มครอง

พุทธศักราช ๒๔๘๘

-----------

                                   ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล

                                                    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

                                             (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร

                                             ลงวันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๗)

                                                                ปรีดี  พนมยงค์

                                      ตราไว้ ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๘

                                                   เป็นปีที่ ๑๒ ในรัชกาลปัจจุบัน

                        โดยที่เห็นสมควรกำหนดป่าควนท่าหิน ควนขี้หมา และควนโต๊ะอม ในท้องที่

ตำบลควนขัน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นป่าคุ้มครอง

                        ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาศัย

อำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑

จึงให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

                        มาตรา ๑  พระราชกฤษฎีกานี้ให้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าควนท่าหิน

ควนขี้หมา และควนโต๊ะอม ในท้องที่ตำบลควนขัน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นป่า

คุ้มครอง พุทธศักราช ๒๔๘๘"

                        มาตรา ๒  พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน นับแต่

วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

                        มาตรา ๓  ให้ป่าควนท่าหิน ควนขี้หมา และควนโต๊ะอม ในท้องที่ตำบลควนขัน

อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ภายในแนวเขตต์ตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นป่าคุ้มครอง

                        มาตรา ๔  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราช

กฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

        ควง  อภัยวงค์

        นายกรัฐมนตรี

[รก.๒๔๘๘/๓๘/๔๓๙/๑๗ กรกฎาคม ๒๔๘๘]

                                                                                                ชไมพร/พิมพ์

                                                                                                ๒๗ กันยายน ๒๕๔๔