กฎกระทรวง ฉบับที่ 28 (พ.ศ. 2517) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510

กฎกระทรวง

ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๑๗)

ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่

พ.ศ. ๒๕๑๐[๑]

                  

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑  ให้ยกเลิกหมวด ๑ และหมวด ๒ แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐

ข้อ ๒  หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสำรวจแร่ตามอาชญาบัตร การอนุรักษ์แร่ และการทำเหมือง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้

หมวด ๑

การสำรวจแร่

                  

ข้อ ๓  การสำรวจแร่จะทำได้โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธีดังนี้

(๑) วิธีการตรวจดูลักษณะธรณีวิทยา ธรณีเคมีหรือธรณีพิสิคส์

(๒) วิธีเจาะสำรวจตามหลักเทคนิคการสำรวจแหล่งแร่ที่เรียกว่า drilling หรือ boring

(๓) วิธีขุดหลุมสำรวจตามหลักเทคนิคการสำรวจแหล่งแร่ที่เรียกว่า pitting ภายในหลักเกณฑ์ดังนี้

(ก) หลุมสำรวจมีขนาดกว้างหรือยาวไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร หรือมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร ตรงลงไปโดยมีหน้าตัดของหลุมไม่เกินขนาดดังกล่าว

(ข) หลุมสำรวจแต่ละหลุมมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า ๒๐ เมตร

(ค) หลุมสำรวจที่ไม่ใช้ในการสำรวจแล้ว ต้องจัดการถมหรือทำที่ดินให้เป็นตามเดิมทุกแห่ง

(ง) ในกรณีที่จะขุดหลุมสำรวจใหม่แทรกระหว่างหลุมสำรวจเก่าซึ่งถมหรือทำที่ดินให้เป็นตามเดิมแล้วนั้น ต้องได้รับอนุญาตจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตาม (ก) (ข) และ (ค)

(๔) วิธีขุดร่องสำรวจขวางสายแร่ตามหลักเทคนิคการสำรวจแหล่งแร่ที่เรียกว่า trenching ภายในหลักเกณฑ์ดังนี้

(ก) ร่องสำรวจมีขนาดกว้างไม่เกิน ๑.๐๐ เมตร และลึกไม่เกิน ๓.๐๐ เมตร ผนังของร่องสำรวจให้เรียบและตั้งตรงที่สุดที่จะทำได้

(ข) ร่องสำรวจแต่ละร่องมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า ๑๐ เมตร

(ค) ร่องสำรวจที่ไม่ใช้ในการสำรวจแล้วต้องจัดการถมหรือทำที่ดินให้เป็นตามเดิมทุกแห่ง

               ข้อ ๔  การสำรวจแร่โดยหลักเกณฑ์หรือวิธีการอื่นนอกจากข้อ ๓ ให้ยื่นแผนงานและวิธีการสำรวจแร่พร้อมด้วยเหตุผลต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ และต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีก่อนจึงจะทำได้

ข้อ ๕  แผนงานและวิธีการสำรวจแร่ต้องมีรายละเอียดดังนี้

(๑) แผนที่ภูมิประเทศ มาตราส่วน ๑:๒๕,๐๐๐ หรือใหญ่กว่า

(๒) เนื้อที่แต่ละแปลง

(๓) ชนิดแร่และวิธีการสำรวจแต่ละขั้น

(๔) ชนิด ขนาด จำนวนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจ

(๕) เงินทุนและข้อผูกพันสำหรับการสำรวจของแต่ละปี

(๖) จำนวนคนงาน

                 ทั้งนี้ ให้ผู้ควบคุมการสำรวจแร่ซึ่งต้องเป็นผู้ที่อธิบดีเห็นชอบ หรือเป็นวิศวกรซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในสาขาที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมลงชื่อรับรองในเอกสารของแผนงานและวิธีการสำรวจแร่ พร้อมกับระบุประเภทของวิศวกร สาขางานวิศวกรรมและหมายเลขใบอนุญาตไว้โดยครบถ้วน

ข้อ ๖  ผู้ถืออาชญาบัตรสำรวจแร่ ให้ทำการสำรวจได้เฉพาะตามวิธีการตามข้อ ๓ (๑)

ข้อ ๗  ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่หรือผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษ ให้ทำการสำรวจได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามข้อ ๓ ถ้าจะสำรวจโดยหลักเกณฑ์หรือวิธีการอื่น ให้ปฏิบัติตามข้อ ๔

                 ข้อ ๘  ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่หรือผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องทำการสำรวจแร่ตามแผนงานและวิธีการสำรวจแร่ที่ได้รับอนุญาต และต้องมีผู้ควบคุมการสำรวจแร่ ผู้ลงชื่อรับรองในเอกสารของแผนงานและวิธีการสำรวจแร่ทำหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบงานสำรวจแร่นั้น หากประสงค์จะเปลี่ยนตัวผู้ควบคุมการสำรวจแร่ ถ้าผู้ซึ่งจะทำการควบคุมการสำรวจแร่คนใหม่เป็นผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ให้แจ้งให้ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ทราบพร้อมกับมอบหนังสือยินยอมรับควบคุมการสำรวจแร่ของผู้นั้นโดยระบุประเภทของวิศวกร สาขางานวิศวกรรมและหมายเลขใบอนุญาตไว้ในหนังสือยินยอมด้วย ถ้าผู้ซึ่งจะทำการควบคุมการสำรวจแร่คนใหม่มิใช่ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมดังกล่าว ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีก่อน

ข้อ ๙  ห้ามมิให้ผู้ถืออาชญาบัตรนำแร่ที่ได้จากการสำรวจแร่ไปเพื่อวิเคราะห์หรือวิจัยเกินกว่าปริมาณที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรแต่ละชนิด

               ข้อ ๑๐  พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในเขตสำรวจแร่เพื่อตรวจการสำรวจแร่ได้ทุกเวลา ให้ผู้ถืออาชญาบัตรอำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณี และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ถืออาชญาบัตรให้จัดการป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากการสำรวจแร่ได้ โดยผู้ถืออาชญาบัตรต้องปฏิบัติตามคำสั่งโดยเคร่งครัด

หมวด ๒

การอนุรักษ์แร่

                  

ข้อ ๑๑  การทำเหมืองแร่ การแต่งแร่ และการประกอบโลหกรรม ต้องดำเนินการโดยมิให้มีการสูญเสียแร่หรือโลหะไปโดยไม่สมควร

หมวด ๓

การทำเหมือง

                  

ข้อ ๑๒  การทำเหมืองจะทำได้โดยวิธีการตามหลักเทคนิคการทำเหมืองแร่วิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธี ดังต่อไปนี้

               (๑) วิธีเหมืองเรือขุด ได้แก่การทำเหมืองโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำเหมืองติดตั้งบนเรือหรือโป๊ะ และขุดแร่ปนดินทรายด้วยเครื่องตัก เครื่องขุดหรือเครื่องสูบ แล้วนำแร่ปนดินทรายไปเข้ารางกู้แร่หรือเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่อย่างอื่น

               (๒) วิธีเหมืองสูบ ได้แก่การทำเหมืองโดยใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธี เช่น การใช้แรงคน พลังน้ำเครื่องขุดหรือการระเบิดพังดินทรายปนแร่หน้าเหมือง แล้วใช้เครื่องสูบทราย (Gravel pump หรือ Sand pump) สูบดินทรายปนแร่ขึ้นสู่รางกู้แร่ หรือเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่อย่างอื่น

               (๓) วิธีเหมืองฉีด ได้แก่การทำเหมืองโดยใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธีพังดินทรายปนแร่หน้าเหมืองทำนองเดียวกับกรณีของเหมืองสูบ แล้วใช้เครื่องดูดด้วยพลังน้ำตามธรรมชาติ(Hydraulic Elebator) ดูดดินทรายปนแร่ขึ้นสู่รางกู้แร่หรือเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่อย่างอื่น

               (๔) วิธีเหมืองแล่น ได้แก่การทำเหมืองในแหล่งแร่ที่อยู่บนเนินหรือไหล่เขา โดยใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธี เช่น การใช้แรงคน พลังน้ำ เครื่องขุดหรือการระเบิดพังดินทรายปนแร่หน้าเมือง แล้วปล่อยให้ดินทรายปนแร่ไหลลงรางกู้แร่หรือเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่อย่างอื่น

                (๕) วิธีเหมืองหาบ ได้แก่การทำเหมืองโดยใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธี เช่น การใช้แรงคน เครื่องขุด หรือการระเบิดขุดหรือเปิดหน้าเหมืองให้เป็นบ่อหรือขั้นบันไดหรือนำเอาหินดินทรายปนแร่เข้ารางกู้แร่หรือเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่อย่างอื่นหรือใช้คนงานคัดเลือกแร่นำไปใช้ประโยชน์โดยตรง

                (๖) วิธีเหมืองปล่อง ได้แก่การทำเหมืองในที่ลานแร่ที่มีเปลือกดินหนาโดยการขุดเป็นปล่องลงไปจนถึงชั้นกะสะแร่แล้วเดินอุโมงค์เพื่อนำเอาดินทรายปนแร่จากชั้นกะสะแร่ขึ้นมาแต่งแร่ด้วยรางกู้แร่หรือเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่อย่างอื่น

                (๗) วิธีเหมืองอุโมงค์ (Underground Mining) ได้แก่การทำเหมืองใต้ดินในที่ทางแร่หรือแหล่งแร่แบบอื่นซึ่งไม่ใช่ลานแร่ โดยการเจาะเป็นปล่องหรืออุโมงค์หรือทั้งสองอย่างโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายวิธี เช่น การใช้แรงคน เครื่องจักรและอุปกรณ์หรือการระเบิดเพื่อนำเอาหินปนแร่ขึ้นมาเข้าเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่หรือนำไปใช้ประโยชน์โดยตรง

                (๘) วิธีเหมืองเจาะงัน ได้แก่การทำเหมืองในที่ทางแร่ โดยใช้แรงคน เครื่องจักรและอุปกรณ์หรือการระเบิด ขุด หรือเปิดเป็นร่องหรืออุโมงค์เข้าไปในภูเขาเพื่อตามสายแร่ลงไปในแนวดิ่งไม่เกิน ๑๐ เมตร แล้วนำหินปนแร่จากสายแร่ขึ้นมาล้างหรือทุบย่อยเลือกเอาแต่ก้อนแร่ที่มีปริมาณสูงหรือนำเข้าเครื่องอุปกรณ์แต่งแร่

(๙) วิธีการทำเหมืองอย่างอื่นที่อธิบดีเห็นชอบ

ข้อ ๑๓  แผนผังโครงการทำเหมืองจะต้องแสดงรายการดังนี้

(๑) ลักษณะพื้นที่ภูมิประเทศในเขตคำขอประทานบัตร

                (๒) ลักษณะของแหล่งแร่ ถ้าเป็นที่ลานแร่ให้บอกเนื้อที่ที่จะทำเหมืองได้ ความลึกปริมาณดินที่จะขุดเอาแร่ได้ และความสมบูรณ์ของแหล่งแร่โดยเฉลี่ย ถ้าเป็นที่ทางแร่หรือสายแร่หรือแหล่งแร่ลักษณะอื่นให้บอกทิศทางและขนาด กว้าง ยาว ลึก เท่าที่ตรวจพบด้วย

(๓) วิธีการทำเหมืองและการแต่งแร่

                (๔) แผนที่ที่ถูกต้องตามาตราส่วน แสดงที่ตั้งอาคารต่าง ๆ ของเหมือง ทิศทางและการวางตัวของสายแร่ บริเวณตั้งต้นเปิดการทำเหมือง ทางเดินหน้าเหมือง บริเวณที่เก็บขังมูล ดินทราย และน้ำขุ่นข้นจากการทำเหมืองและการแต่งแร่ ทำนบและประตูระบายน้ำ

(๕) แบบรูปทำนบ ประตูระบายน้ำที่ถูกต้องตามมาตราส่วน และถ้ามีการเจาะหรือทำอุโมงค์ ให้แสดงการค้ำจุนปล่องหรืออุโมงค์ด้วย

(๖) ชนิด ขนาด จำนวน เครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมทั้งจำนวนคนงานที่ใช้ในการทำเหมืองและการแต่งแร่

(๗) วิธีชักน้ำมาใช้ในการทำเหมือง

(๘) วิธีเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายและวิธีระบายน้ำจากการทำเหมือง

(๙) แนวย้ายทางน้ำ ทางหลวงหรือทางสาธารณะอย่างอื่นภายในเขตคำขอประทานบัตรและให้แสดงแนวทางไว้ในแผนที่ตาม (๔) ด้วย

                 ทั้งนี้ ให้วิศวกรผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในสาขาที่เกี่ยวข้องลงชื่อรับรองในเอกสารต่าง ๆ ของแผนผังโครงการทำเหมืองที่มีลักษณะของงานอยู่ในข่ายควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม พร้อมกับระบุประเภทของวิศวกร สาขางานวิศวกรรมและหมายเลขใบอนุญาตไว้โดยครบถ้วน

               ข้อ ๑๔  ผู้ถือประทานบัตรชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรต้องทำเหมืองและแต่งแร่ตามวิธีการทำเหมืองและแผนผังโครงการที่ได้รับอนุญาตโดยเคร่งครัด และต้องมีวิศวกรผู้ลงชื่อรับรองในเอกสารต่าง ๆ ของแผนผังโครงการทำเหมือง ทำหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบงานวิศวกรรมที่อยู่ในข่ายควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม หากประสงค์จะเปลี่ยนตัววิศวกรให้แจ้งให้ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ทราบพร้อมกับมอบหนังสือยินยอมของวิศวกรผู้ที่จะควบคุมรับผิดชอบงานวิศวกรรมต่อไปไว้เป็นหลักฐาน โดยให้ระบุประเภทของวิศวกรสาขางานวิศวกรรมและหมายเลขใบอนุญาตไว้ในหนังสือยินยอมด้วย

               ข้อ ๑๕  ในกรณีที่ผู้ถือประทานบัตรชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเหมืองหรือแต่งแร่ ทางระบายน้ำจากการทำเหมือง หรือที่เก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทราย ให้ถือว่าผู้ถือประทานบัตรชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเหมืองหรือแผนผังโครงการทำเหมืองตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐

               การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำเหมืองหรือแต่งแร่ โดยไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำเหมืองหรือแต่งแร่ ไม่ต้องยื่นแผนผังโครงการทำเหมืองใหม่ แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ทราบเพื่อเป็นหลักฐาน

               ข้อ ๑๖  ก่อนเปิดการทำเหมือง ผู้ถือประทานบัตรชั่วคราว หรือผู้ถือประทานบัตรต้องนำพนักงานเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบการเตรียมการเพื่อการทำเหมืองที่ได้รับอนุญาตเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ให้เปิดการทำเหมืองแล้ว จึงเริ่มเปิดการทำเหมืองได้

               ข้อ ๑๗  ผู้ถือประทานบัตรชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรต้องกรอกรายการให้ถูกต้องตามความเป็นจริงลงในบัญชีกรรมกรบัญชีแสดงการขุดแร่ได้ ตามแบบพิมพ์ที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนด และเก็บไว้ในเขตเหมืองแร่เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา

               ข้อ ๑๘  ผู้ถือประทานบัตรชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรต้องรายงานการทำเหมืองประจำเดือนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามแบบพิมพ์ที่กรมทรัพยากรธรณีกำหนด และต้องยื่นต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่ภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดไป

                ข้อ ๑๙  ผู้ถือประทานบัตรชั่วคราวหรือผู้ถือประทานบัตรที่ทำเหมืองโดยวิธีเหมืองเรือขุด เหมืองสูบ เหมืองฉีด เหมืองหาบ หรือเหมืองอุโมงค์ ต้องส่งแผนที่ประจำเดือนแสดงราบการทำเหมืองตามความเป็นจริงต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่พร้อมกับยื่นรายการทำเหมืองประจำเดือนตามข้อ ๑๘

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๗

โอสถ โกศิน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๑๖ ให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสำรวจแร่ตามอาชญาบัตร การอนุรักษ์แร่ และการทำเหมือง โดยกฎกระทรวง  จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงฉบับนี้

[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๑/ตอนที่ ๓๗/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๓/ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗