คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2553

 

หมายเลขคดีดำ และ หมายเลขคดีแดง ของศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำ -
หมายเลขคดีแดง -

 

หมายเลขคดีดำ และ หมายเลขคดีแดง ของศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำ -
หมายเลขคดีแดง -

 

หมายเลขคดีดำ และ หมายเลขคดีแดง ของศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำ - อ1228/2550
หมายเลขคดีแดง - อ1169/2550
พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี      โจทก์
นายสุรชัย โพธิ์อยู่                         จำเลย
ป.อ. มาตรา 269/5, 269/7

ป.วิ.อ. มาตรา 43

 

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3) (8), 336 ทวิ, 269/5, 269/7, 91 และให้จำเลยคืนทรัพย์ที่ลักไปแก่ผู้เสียหายทั้งสอง หากคืนไม่ได้ให้ใช้เงิน 64,200 บาท และคืนเงิน 100,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1111/2550 ของศาลชั้นต้น

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3) (8) วรรคสอง, 336 ทวิ, 269/5, 269/7 เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จำคุก 6 ปี ฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ออกให้เพื่อใช้เงินเบิกถอนเงินสด จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน ให้จำเลยคืนทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้าย หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้เงิน 64,200 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสองและเงินสดอีกจำนวน 100,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 ส่วนคำขอที่ให้นับโทษต่อนั้นได้ความว่าคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้คืนเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 100,000 บาท ได้หรือไม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกคำขอโจทก์ในส่วนนี้โดยให้เหตุผลว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยลักเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เสียหายที่ 2 หรือกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 โจทก์จึงไม่อาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายได้ เห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์ได้กล่าวบรรยายว่าจำเลยได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารซิตี้แบงก์ซึ่งได้ออกให้แก่นางสาวสุรีมาศ ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่จำเลยได้ลักไปเพื่อใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินสด ถอนเงินสดจำนวน 100,000 บาท ไปจากวงเงินเครดิตของผู้เสียหายที่ 2 โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายและธนาคารซิตี้แบงก์ ดังนั้น คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการนำเอาบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารซิตี้แบงก์ซึ่งธนาคารออกให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 ที่จำเลยลักไปจากผู้เสียหายที่ 2 ไปทำการถอนเงินสดจำนวน 100,000 บาท และยังมีคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวน 100,000 บาท ด้วย ย่อมแปลคำฟ้องของโจทก์ได้ว่า โจทก์มุ่งประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยฐานลักเงินของผู้เสียหายที่ 2 อยู่ด้วย เพียงแต่วิธีการลักเงินดังกล่าวก็โดยการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์เบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัตินั่นเอง จึงเป็นความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์และความผิดฐานลักทรัพย์ด้วยแล้ว ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 บัญญัติให้พนักงานอัยการมีอำนาจขอให้เรียกทรัพย์สินหรือใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายที่ 2 โจทก์จึงมีอำนาจขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายที่ 2 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 100,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1.
( สุมิตร สุภาดุลย์ - สมศักดิ์ อเนกพุฒิ - ศิริชัย จิระบุญศรี )

 

ศาลจังหวัดธัญบุรี - นายปฐม สมบูรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 - นายนิพันธ์ ช่วยสกุล

 

หมายเหตุ