กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคมและการเลิกสมาคมตามมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2553
กฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคม
และการเลิกสมาคมตามมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
พ.ศ. ๒๕๕๓[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. ๒๕๔๗ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้
“คณะกรรมการของสมาคม” หมายความว่า คณะกรรมการของสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
“กรรมการ” หมายความว่า กรรมการของสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
“สมาคม” หมายความว่า สมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
“คำขอ” หมายความว่า คำขอเลิกสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
หมวด ๑
การแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคม
ข้อ ๒ ในกรณีที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดมีคำสั่งให้คณะกรรมการของสมาคมออกจากตำแหน่งทั้งคณะ ให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการของสมาคมขึ้นคณะหนึ่งแทนเป็นการชั่วคราวภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการของสมาคมชุดนั้นพ้นจากตำแหน่ง
ข้อ ๓ การแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคมทั้งคณะ ให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดแต่งตั้งจากสมาชิกของสมาคมหรือเจ้าของที่ดินในโครงการจัดรูปที่ดินที่มิใช่สมาชิกของสมาคมโดยสัดส่วนของกรรมการที่เป็นเจ้าของที่ดินในโครงการจัดรูปที่ดินที่มิใช่สมาชิกของสมาคมจะต้องไม่เกินหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการส่วนจังหวัดมีคำสั่งให้กรรมการบางคนออกจากตำแหน่งตามมาตรา ๒๙ วรรคสอง (๑) ให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดแต่งตั้งกรรมการจากสมาชิกของสมาคมหรือเจ้าของที่ดินในโครงการจัดรูปที่ดินที่มิใช่สมาชิกของสมาคมแทนเป็นการชั่วคราวภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่ง
หมวด ๒
การเลิกสมาคมตามมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
ข้อ ๕ การเลิกสมาคมโดยที่ประชุมใหญ่ของสมาคมได้ลงมติให้เลิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของสมาชิกทั้งหมด จะต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่วนจังหวัดให้เลิกสมาคมได้
ข้อ ๖ ให้สมาคมแจ้งการเลิกสมาคมแก่เจ้าหนี้ทุกรายทราบเป็นหนังสือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ของสมาคมได้ลงมติให้เลิกสมาคมเพื่อขอความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ การแจ้งเป็นหนังสือตามวรรคหนึ่ง ให้ระบุเหตุผลความจำเป็นในการขอเลิกสมาคมพร้อมทั้งวิธีการและระยะเวลาในการให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ การแจ้งเป็นหนังสือดังกล่าวให้กระทำโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังภูมิลำเนาของเจ้าหนี้ทุกราย
ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการของสมาคมยื่นคำขอเลิกสมาคมต่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) ใบสำคัญรับจดทะเบียนเป็นสมาคม
(๒) บัญชีรายชื่อสมาชิกของสมาคม
(๓) แผนผังแสดงขอบเขตที่ดินและจำนวนที่ดินที่จะดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน
(๔) รายงานการประชุมที่ประชุมใหญ่ของสมาคมที่มีมติให้เลิกสมาคมด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของสมาชิกทั้งหมด พร้อมลงลายมือชื่อรับรองรายงานการประชุมของคณะกรรมการของสมาคม
(๕) หนังสือแสดงเหตุผลความจำเป็นในการขอเลิกสมาคม และเจตนาในการดำเนินการภายหลังเลิกสมาคม
(๖) หนังสือให้ความเห็นชอบจากเจ้าหนี้
(๗) ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียในที่ดินที่จะดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินนั้น
ข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดได้รับคำขอพร้อมทั้งเอกสารและหลักฐานตามข้อ ๗ ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดพิจารณาและมีคำสั่งอนุมัติให้เลิกสมาคมภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอในกรณีที่คำขอไม่ถูกต้องไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดแจ้งคณะกรรมการของสมาคมทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้แก้ไขเพิ่มเติม และสามารถขอขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสี่สิบห้าวัน หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการยกเลิกคำขอที่ได้ยื่นไว้นั้น
ข้อ ๙ เมื่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดประกาศการเลิกสมาคมในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้แจ้งสมาคมทราบโดยเร็ว
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ชวรัตน์ ชาญวีรกูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. ๒๕๔๗ บัญญัติให้การแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคมและการเลิกสมาคมตามมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ฐิติพร/ปรับปรุง
๑๘ เมษายน ๒๕๕๖
วิชพงษ์/ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนที่ ๗ ก/หน้า ๑/๒๘ มกราคม ๒๕๕๓