กฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
กฎกระทรวง
ออกตามความในพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. 2518
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 29 วรรคสอง แห่ง
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออก
กฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
บทบัญญัติมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. 2518 มิให้ใช้บังคับแก่ที่ดินดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินที่เป็นเขตปลอดภัยในราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยเขต
ปลอดภัยในราชการทหาร
(2) ที่ดินที่กำหนดตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดเขตที่ดินที่จะ
ทำการสำรวจเพื่อการวางและจัดทำผังเมืองรวมหรือผังเมืองเฉพาะ หรือ
ที่ดินที่อยู่ในเขตของผังเมืองรวมหรือผังเมืองเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยการ
ผังเมือง
(3) ที่ดินในบริเวณที่จัดให้เป็นที่อยู่อาศัยหรือบริเวณชุมชนตามที่คณะกรรมการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนดด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
(4) ที่ดินที่ใช้ในกิจการอุตสาหกรรมที่ได้ดำเนินกิจการอยู่ก่อนการกำหนด
เขตปฏิรูปที่ดิน ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นตามขนาดและประเภทของกิจการอุตสาหกรรม
ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด
*[1]
`(5) ที่ดินที่ใช้ในกิจการตามความมุ่งหมายของสภากาชาดไทย
(6) ที่ดินที่ใช้ในกิจการโรงพยาบาล สถานพยาบาล โรงเรียนหรือสถาบัน
อุดมศึกษา ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นตามขนาดและประเภทของกิจการตามที่คณะกรรมการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด
(7) ที่ดินที่ใช้ในกิจการของผู้ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ทั้งนี้ ตามจำนวนที่คณะกรรมการส่งเสริมการ
ลงทุนพิจารณาเห็นสมควร
(8) ที่ดินที่ใช้ในกิจการขององค์การหรือทบวงการระหว่างประเทศที่มี
กฎหมายคุ้มครองการดำเนินงานในประเทศไทยหรือรัฐบาลไทยได้ให้ความ
เห็นชอบแล้ว'
ให้ไว้ ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2519
พลตรี ป. อดิเรกสาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
-------------------------------------------------------
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจาก
คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเห็นว่าในเขตปฏิรูปที่ดินมีที่ดินบางประเภท
ไม่อาจนำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ สมควรระบุประเภทของ
ที่ดินให้ได้รับการยกเว้นตามนัยของมาตรา 29 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ
การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
*[2]
กฎกระทรวง
ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2528)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. 2518
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน
เพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2519 และมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติ
การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้
`สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่' หมายความว่า สำนักงานการ
ปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ซึ่งที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตั้งอยู่
หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตาม
มาตรา 11 วรรคสอง
`ผู้มีสิทธิอุทธรณ์' หมายความว่า เจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่
ถูกเวนคืนเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนอัน
เนื่องมาจากการเวนคืนที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
ข้อ 2 การอุทธรณ์จำนวนเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนดตาม
มาตรา 40 ให้ทำตามแบบ ส.ป.ก.4-02 ท้ายกฎกระทรวงนี้ และให้แนบ
สำเนาหรือภายถ่ายเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้มาด้วย คือ
(1) ในกรณีที่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์เป็นบุคคลธรรมดา
(ก) บัตรประจำตัวประชาชนหรือทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิอุทธรณ์
ถ้าเป็นการอุทธรณ์แทนให้ผู้อุทธรณ์แทนแนบใบมอบฉันทะหรือหลักฐานแสดงอำนาจ
หน้าที่ของตน พร้อมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนหรือทะเบียนบ้านของผู้อุทธรณ์แทน
มาด้วย
(ข) หนังสือแจ้งจำนวนเงินค่าตอบแทนของพนักงานเจ้าหน้าที่
(ค) หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน
(ง) เอกสารที่แสดงว่าเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทน
(2) ในกรณีที่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์เป็นนิติบุคคล
(ก) หนังสือรับรองการจดทะเบียนหรือหลักฐานการเป็นนิติบุคคล
(ข) หลักฐานที่แสดงว่าบุคคลใดเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน
นิติบุคคล
(ค) เอกสารตามที่ระบุไว้ใน (1) (ข) (ค) และ (ง)
ข้อ 3 การยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตามมาตรา 40 ถ้าที่ดินหรือ
อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อ ส.ป.ก. หรือ
จะส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึง ส.ป.ก. ก็ได้ ถ้าตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอื่น
นอกจากกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ หรือ
จะส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ก็ได้ ในกรณี
ที่ส่งคำอุทธรณ์ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ให้ถือวันที่ปรากฏในหลักฐานทางไปรษณีย์
เป็นวันยื่นอุทธรณ์
เมื่อได้รับคำอุทธรณ์แล้ว ให้ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน
จังหวัดแห่งท้องที่ออกใบอุทธรณ์ให้แก่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทน แล้วแต่
กรณี ไว้เป็นหลักฐาน คำอุทธรณ์ที่ยื่นต่อ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน
จังหวัดแห่งท้องที่โดยตรง ให้ออกใบรับอุทธรณ์ในวันยื่นอุทธรณ์ ถ้าได้รับคำอุทธรณ์
ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ให้ส่งใบรับอุทธรณ์ภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์
และให้ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่เสนอคำอุทธรณ์ต่อ
คณะกรรมการอุทธรณ์โดยเร็ว
ข้อ 4 ภายในกำหนดเวลาการยื่นอุทธรณ์ ผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรืออุทธรณ์แทน
แล้วแต่กรณี อาจขอแก้ไขเพิ่มเติมคำอุทธรณ์ได้ โดยทำเป็นหนังสือชี้แจงเหตุผลที่
ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำอุทธรณ์ ยื่นต่อ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด
แห่งท้องที่ แล้วแต่กรณี และให้ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่ง
ท้องที่เสนอคำอุทธรณ์ที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการอุทธรณ์โดยเร็ว
ข้อ 5 ภายในกำหนดเวลาการยื่นอุทธรณ์ ผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทน
แล้วแต่กรณี อาจขอยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำอุทธรณ์เพิ่มเติมต่อ ส.ป.ก.
หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ แล้วแต่กรณีได้ โดยทำเป็นหนังสือ
ชี้แจงเหตุผลที่มิได้ยื่นเอกสารหลักฐานนั้นพร้อมกับคำอุทธรณ์ และให้ ส.ป.ก.
หรือสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่เสนอเอกสารหลักฐานประกอบคำอุทธรณ์
เพิ่มเติมต่อคณะกรรมการอุทธรณ์โดยเร็ว
ในกรณีที่พ้นกำหนดเวลาการยื่นอุทธรณ์แล้ว ถ้าผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์
แทน แล้วแต่กรณี มีเหตุผลแสดงว่าตนไม่อาจยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำอุทธรณ์
เพิ่มเติมภายในกำหนดเวลาการยื่นอุทธรณ์ได้ จะขอยื่นเอกสารหลักฐานนั้น
ต่อ ส.ป.ก. หรือสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่เพื่อเสนอต่อไปยัง
คณะกรรมการอุทธรณ์โดยเร็ว หรือจะขอยื่นต่อคณะกรรมการอุทธรณ์โดยตรงก็ได้
ทั้งนี้ ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีการวินิจฉัยคำอุทธรณ์ ถ้าคณะกรรมการอุทธรณ์เห็นว่า
ผู้ขอยื่นเอกสารหลักฐานดังกล่าวมีเหตุผลอันสมควรและเอกสารหลักฐานนั้นจำเป็น
เพื่อให้การวินิจฉัยเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการอุทธรณ์รับเอกสาร
หลักฐานนั้นไว้พิจารณา
ข้อ 6 ในการวินิจฉัยคำอุทธรณ์เรื่องใด ห้ามมิให้กรรมการอุทธรณ์ผู้มีส่วน
ได้เสียในอุทธรณ์เรื่องนั้นเข้าร่วมประชุม เว้นแต่เป็นการเข้าชี้แจงตามข้อ 8
ข้อ 7 ก่อนที่คณะกรรมการอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยคำอุทธรณ์ ผู้มีสิทธิอุทธรณ์
หรือผู้อุทธรณ์แทน แล้วแต่กรณี อาจขอมาชี้แจงหรือนำบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาชี้แจง
ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ได้ แต่ต้องมาชี้แจงหรือนำบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาชี้แจง
ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการอุทธรณ์กำหนด
ข้อ 8 คณะกรรมการอุทธรณ์หรือคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์
แต่งตั้งจะแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทน แล้วแต่กรณี มา
ชี้แจงหรือนำบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือส่งเอกสารหลักฐานอย่างอื่นที่จำเป็น
มาเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยก็ได้ โดยให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
เจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง
ข้อ 9 ถ้าผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทน แล้วแต่กรณี ไม่มาชี้แจงหรือนำ
บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องมาแจ้ง หรือไม่ส่งเอกสารหลักฐานอย่างอื่นที่จำเป็นมาเพิ่มเติม
ตามข้อ 8 โดยมิได้แจ้งต่อคณะกรรมการอุทธรณ์หรือคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการ
อุทธรณ์แต่งตั้ง แล้วแต่กรณี ถึงเหตุผลแห่งการนั้นภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ต้องมา
ชี้แจงหรือวันที่ต้องส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวหรือแจ้งเหตุผลแห่งการนั้นแล้ว
และคณะกรรมการอุทธรณ์หรือคณะอนุกรรมการดังกล่าวพิจารณาเห็นว่าไม่มีเหตุผล
อันสมควร ผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทน แล้วแต่กรณี ย่อมไม่มีสิทธิที่จะ
โต้แย้งหรืออ้างอิงเอกสารหลักฐานนั้น
ข้อ 10 ผู้มuสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทนอาจขอถอนอุทธรณ์ต่อ ส.ป.ก.
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ หรือคณะกรรมการอุทธรณ์ได้ แล้วแต่กรณี
ข้อ 11 คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ให้ทำเป็นหนังสือระบุเหตุผล
แห่งการวินิจฉัย และลงลายมือชื่อกรรมการอุทธรณ์อย่างน้อยสามคน
ข้อ 12 เมื่อคณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยแล้ว ให้แจ้งคำวินิจฉัยเป็น
หนังสือไปยังผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือผู้อุทธรณ์แทน แล้วแต่กรณี ภายในเจ็ดวันนับแต่
วันที่ได้มีคำวินิจฉัย
ให้ไว้ ณ วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2528
ณรงค์ วงศ์วรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หมายเหตุ
- การกรอกข้อความในคำอุทธรณ์ ให้กรอกข้อความที่ต้องการให้ครบถ้วน
ด้วย ตัวพิมพ์หรือตัวบรรจง ทำเครื่องหมาย X ในช่องสี่เหลี่ยมที่ต้องการและ
ขีดข้อความที่ไม่ต้องการออก
ช่องกรอกข้อความส่วนใดไม่พอที่จะกรอกข้อความได้จนหมดให้ใช้กระดาษอื่น
พิมพ์หรือเขียนต่อแนบติดมากับคำอุทธรณ์ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำอุทธรณ์
- เอกสารประกอบคำอุทธรณ์ สำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารหลักฐาน
ดังต่อไปนี้ ต้องแนบมาพร้อมกับคำอุทธรณ์ด้วย คือ
(1) ในกรณีที่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์เป็นบุคคลธรรมดา
(ก) บัตรประจำตัวประชาชนหรือทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิอุทธรณ์
ถ้าเป็นการอุทธรณ์แทนให้ผู้อุทธรณ์แทนแนบใบมอบฉันทะหรือหลักฐานแสดงอำนาจ
หน้าที่ของตน พร้อมทั้งบัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้านของผู้อุทธรณ์แทนมาด้วย
(ข) หนังสือแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทนของพนักงานเจ้าหน้าที่
(ค) หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน
(ง) เอกสารที่แสดงว่าเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทน
(2) ในกรณีที่ผู้มีสิทธิอุทธรณ์เป็นนิติบุคคล
(ก) หนังสือรับรองการจดทะเบียนหรือหลักฐานการเป็นนิติบุคคล
(ข) หลักฐานที่แสดงว่าบุคคลใดเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน
นิติบุคคล
(ค) เอกสารตามที่ระบุไว้ใน (1) (ข) (ค) และ (ง)
นอกจากสำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารหลักฐานตามที่ระบุไว้ใน (1) หรือ
(2) แล้ว จะแนบเอกสารหลักฐานเพื่อประโยชน์แก่การวินิจฉัยคำอุทธรณ์มาด้วย
ก็ได้
- กำหนดเวลาของการยื่นอุทธรณ์ การยื่นอุทธรณ์จะต้องกระทำภายใน
สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจำนวนเงินค่าทดแทนของพนักงานเจ้าหน้าที่
- วิธีการยื่นอุทธรณ์ การยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ว่าที่ดินหรือ
อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อสำนักงานการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) หรือจะส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ถึง ส.ป.ก. ก็ได้ ถ้าอยู่ในในเขตจังหวัดอื่นนอกเขตจากกรุงเทพมหานคร ให้
ยื่นต่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ หรือจะส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ถึงสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดแห่งท้องที่ก็ได้
-------------------------------------------------------
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจาก
มาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518
บัญญัติว่าหลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นอุทธรณ์และวิธีพิจารณาในการวินิจฉัย
คำอุทธรณ์ของเจ้าของที่ดินหรือผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนเกี่ยวกับจำนวนเงิน
ค่าทดแทนที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนดในการเวนคืนที่ดิน
หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามมาตรา 40 ให้
กำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
เชิงอรรถ
-------------------
*[1] แก้ไขโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2526) ออกตามความ
ในพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
*[2] แก้ไขโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2528) ออกตามความ
ในพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518