กฎกระทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยชื่อเครื่องมือในพิกัดออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 1 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยชื่อเครื่องมือในพิกัด
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 (13) และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
เครื่องมือทำการประมงต่อไปนี้เป็นเครื่องมือในพิกัด
(1) ยอขันช่อ
(2) ช้อนขันช่อ
(3) ช้อนสนั่น
(4) ช้อนหางเหยี่ยว
(5) ถุงโพงพางซึ่งใช้ประกอบกับโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน
(6) ถุงบาม
(7) เรือผีหลอกหรือเรือกัตรา
(8) แหยาวตั้งแต่ 4 เมตรขึ้นไป (ยังไม่ทบเพลา)
(9) ช้อนต่าง ๆ ปากกว้างตั้งแต่ 3.5 เมตรขึ้นไป
(10) เบ็ดราวยาวตั้งแต่ 40 เมตรขึ้นไป
(11) ข่าย
(12) อวนต่าง ๆ
(13) เฝือก
(14) เครื่องกั้น
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 2 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยการกำหนดอัตราเงินอากร
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ให้กำหนดอัตราเงินอากรดังต่อไปนี้
*[1]
`ให้ยกเลิกอัตราเงินอากรค่าที่อนุญาตบ่อล่อสัตว์น้ำ ลำดับ 20 ตาม
บัญชี (ก) แห่งกฎกระทรวง ฉะบับที่ 2 (พ.ศ. 2490) และให้เก็บ
ในอัตราตารางเมตรละสิบห้าสตางค์ ทุกจังหวัดที่มีการเก็บเงินอากรเกี่ยวกับ
การทำการประมง'
IMAGE 0
*[4]
ให้ยกเลิกความในลำดับ 8 ของ (ข) อัตราเงินอากรอาชญาบัตร
สำหรับเครื่องมือในพิกัด แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วย
การกำหนดอัตราเงินอากร ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
IMAGE 0
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
*[2]
`ยกเลิกกฎกระทรวง ฉะบับที่ 3 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยการกำหนด
อัตราค่าธรรมเนียม ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490'
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 4 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยการขออาชญาบัตร
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรเพื่อใช้เครื่องมือในพิกัดชะนิดใด
ทำการประมงต้องยื่นคำขอตามแบบพิมพ์ (คำขอ) ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อ
คณะกรมการอำเภอท้องที่ การขอรับอาชญาบัตรเช่นว่านี้ หากผู้ขอมีอาชญาบัตร
ฉะบับหลังที่สุดสำหรับเครื่องมือนั้น ก็ให้แนบไปกับคำขอด้วยและถ้าผู้ขอประสงค์
จะให้ผู้ใดในครอบครองหรือลูกจ้างมีสิทธิ์ใช้เครื่องมือนั้นด้วยก็ให้ระบุชื่อไว้ใน
คำขอนั้น
ข้อ 2. ในการยื่นคำขอตามข้อ 1 นั้น ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่สงสัยอาจ
สั่งให้ผู้ขออนุญาตนำเครื่องมือนั้นมาให้ตรวจก็ได้ ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่จะให้
กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในท้องที่นั้นตรวจวัดแทนและรับรองก็ได้
ข้อ 3. เมื่อได้รับคำขอตามความในข้อ 1 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณา
คำขอ เมื่อเห็นว่าเป็นการถูกต้องและสมควรจะอนุญาตได้ตามกฎเกณฑ์ในระเบียบ
วิธีการอนุญาตที่กำหนดไว้ ก็ให้เรียกเก็บเงินอากรตามอัตราที่กำหนดไว้ใน
กฎกระทรวง และออกอาชญาบัตรให้แก่ผู้ขอ
ข้อ 4. ใบอาชญาบัตรทุกฉะบับต้องให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอประจำ
กิ่งอำเภอ หรือผู้ทำการแทน แล้วแต่กรณี เป็นผู้ลงลายมือชื่ออนุญาต และให้ใช้
แบบอาชญาบัตร (อนุญาต 1) ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ 5. ถ้าผู้รับอนุญาตใดประสงค์จะขอสลักหลังอาชญาบัตรเพื่อตัดทอน
หรือเพิ่มบุคคลในครอบครัวหรือลูกจ้างของตนให้เป็นผู้มีสิทธิ์ใช้เครื่องมือในพิกัด
ก็ให้ยื่นรายชื่อบุคคลที่จะตัดทอนหรือเพิ่มต่อคณะกรมการอำเภอท้องที่พร้อมด้วย
อาชญาบัตร และผู้รับอนุญาตจะต้องเสียค่าธรรมเนียมค่าสลักหลังตามกฎกระทรวง
และให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้ทำการแทน แล้วแต่กรณี
เป็นผู้ลงลายมือชื่ออนุญาตในการสลักหลัง
ข้อ 6. ถ้าผู้รับอนุญาตรายใดนำเครื่องมือในพิกัดนั้นไปใช้ทำการประมง
ในท้องที่อื่นซึ่งเก็บอากรสูงกว่าที่ตนได้ชำระไว้แล้ว ก็ให้ผู้รับอนุญาตนั้นนำ
อาชญาบัตรไปเสียอากรเพิ่มเติมต่อคณะกรมการอำเภอที่ตนนำเครื่องมือในพิกัด
ไปใช้ทำการประมง ต่อเมื่อได้ชำระเงินอากรเพิ่มเติม และนายอำเภอ หรือ
ปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้ทำการแทน แล้วแต่กรณี ได้สลักหลังอาชญาบัตร
ว่าได้เสียเงินอากรเพิ่มเติมตามกฎกระทรวงแล้ว จึงจะใช้เครื่องมือนั้นทำการ
ประมงได้
ข้อ 7. ถ้าอาชญาบัตรที่ออกให้ตามกฎกระทรวงนี้ศูนย์หายหรือชำรุดเสียหาย
ในสาระสำคัญ ผู้รับอนุญาตมีสิทธิ์ยื่นคำขอนั้น ๆ รับใบแทนอาชญาบัตรตามแบบพิมพ์
(คำขอ 2) ท้ายกฎกระทรวงนี้ ต่อคณะกรรมการอำเภอท้องที่และให้ส่งอาชญาบัตร
ที่ชำรุดไปด้วย เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอและได้สอบสวนพิจารณาเห็นสมควร
ออกใบแทนให้ก็ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกใบแทนตามกฎกระทรวง และ
ออกใบแทนอาชญาบัตรอันมีข้อความอย่างเดียวกับอาชญาบัตรที่ศูนย์หายหรือชำรุด
เสียหายในสาระสำคัญให้แก่ผู้รับอนุญาตแต่ให้เขียนคำว่า `ใบแทน' ด้วยหมึกสีแดง
ไว้ตอนบน
ใบแทนอาชญาบัตรทุกฉะบับต้องให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอประจำ
กิ่งอำเภอ หรือผู้ทำการแทน แล้วแต่กรณีในท้องที่เดียวกัน เป็นผู้ลงลายมือชื่อ
อนุญาตในแบแทน
ข้อ 8. ถ้าผู้รับอนุญาตประสงค์จะโอนอาชญาบัตรของตนให้แก่ผู้อื่น ให้ยื่น
เรื่องราวชี้แจงเหตุผลพร้อมด้วยอาชญาบัตรต่อคณะกรมการอำเภอท้องที่ เมื่อ
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องราว และได้พิจารณาเห็นว่าถูกต้องตามกฎเกณฑ์
การโอนตามที่กำหนดไว้ ก็ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโอนตามที่กำหนดไว้
ในกฎกระทรวง และให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอ หรือ
ผู้ทำการแทน แล้วแต่กรณี สลักหลังการโอนและชื่อผู้รับโอนไว้ในอาชญาบัตรนั้น
และมอบอาชญาบัตรให้แก่ผู้รับโอนต่อไป
ข้อ 9. ถ้าผู้รับอนุญาตรายใดได้รับการผ่อนเวลาชำระเงินอากรค่าอาชญาบัตร
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตตามแบบพิมพ์ (อนุญาต 2) ท้ายกฎกระทรวงนี้
ให้แก่ผู้รับอนุญาตแทนอาชญาบัตร และให้ผู้รับอนุญาตมีสิทธิ์ใช้เครื่องมือนั้นทำการ
ประมงได้ ตามเวลาที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตระหว่างผ่อนเวลาชำระเงินอากร
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 5 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยที่อนุญาต
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ใดประสงค์จะขออนุญาตทำการประมงหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ในที่อนุญาตตามประกาศของข้าหลวงประจำจังหวัด ต้องยื่นคำขอตามแบบพิมพ์
(คำขอ 3) ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อคณะกรมการอำเภอท้องที่
ข้อ 2. ถ้าผู้ขออนุญาตเคยได้รับอนุญาตให้ทำการประมงหรือเพาะเลี้ยง
สัตว์น้ำในที่อนุญาตนั้นอยู่แล้ว ก็ให้แนบในอนุญาตปีก่อนมาพร้อมกับคำขอด้วย
ข้อ 3. เมื่อได้รับคำขอตามข้อ 1 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาคำขอ
เมื่อเห็นว่าเป็นการถูกต้องและสมควรจะอนุญาตได้ก็ให้เรียกเก็บเงินอากร
ตามอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง และออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอต่อไป
ข้อ 4. ใบอนุญาตสำหรับที่อนุญาตทุกฉะบับ ต้องให้นายอำเภอหรือ
ปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้ทำการแทนแล้วแต่กรณี เป็นผู้ลงลายมือชื่อ
อนุญาต และให้ใช้แบบพิมพ์ใบอนุญาต (อนุญาต 3) ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ 5. การออกใบแทนใบอนุญาต การโอนใบอนุญาตและการผ่อน
เวลาชำระเงินอากรใบอนุญาต ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการออกใบแทนการ
โอนอาชญาบัตรและการผ่อนเวลาชำระเงินอากรอาชญาบัตร ตามที่กำหนดไว้
ในกฎกระทรวง ฉะบับที่ 4 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยการขออาชญาบัตร
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาใช้โดยอนุโลม
แล้วแต่กรณี
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 6 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยบ่อล่อสัตว์น้ำ
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 (6) และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ก. บ่อล่อสัตว์น้ำ
------
ข้อ 1. บ่อล่อสัตว์น้ำ คือ ที่ล่อสัตว์น้ำซึ่งอยู่ในที่ดินอันบุคคลถือ
กรรมสิทธิ์ก็ดี หรือในที่สาธารณสมบัตรของแผ่นดินก็ดี ไม่ว่าบ่อล่อสัตว์น้ำนั้น
จะมีลักษณะหรือรูปร่างอย่างใดโดยผู้ขุดหรือสร้างหรือเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
มีความมุ่งหมายโดยตรงหรือโดยปริยายที่จะล่อสัตว์น้ำจากที่จับสัตว์น้ำเพื่อ
ประโยชน์ในการทำการประมง
ข. การขุดหรือสร้างบ่อล่อสัตว์น้ำ
------
ข้อ 2. ผู้ใดประสงค์จะขุดหรือสร้างบ่อล่อสัตว์น้ำในที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติ
ของแผ่นดิน ต้องยื่นคำขอตามแบบพิมพ์ (คำขอ 4) ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อคณะกรมการ
อำเภอท้องที่
ข้อ 3. เมื่อได้รับคำขอตามข้อ 2 แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาคำขอ
เมื่อเห็นสมควรอนุญาต ก็ให้ออกใบอนุญาตตามแบบพิมพ์ (อนุญาต 4) ท้ายกฎกระทรวงนี้
ค. การทำการประมงในบ่อล่อสัตว์น้ำ
------
ข้อ 4. ผู้ใดประสงค์จะทำการประมงในบ่อล่อสัตว์น้ำด้วยวิธีวิดน้ำ หรือทำให้
น้ำในบ่อนั้นแห้งหรือลดน้อยลงไม่ว่าบ่อล่อสัตว์น้ำนั้นจะอยู่ในที่ดินอันบุคคลถือ
กรรมสิทธิ์หรืออยู่ในที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต้องยื่นคำขอตามแบบพิมพ์
(คำขอ 3) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่
ข้อ 5. เมื่อได้รับคำขอตามข้อ 4 แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาคำขอ
เมื่อเห็นสมควรอนุญาต ก็ให้เรียกเก็บเงินอากรตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
และออกใบอนุญาตตามแบบพิมพ์ (อนุญาต 4)
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 7 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 (7) และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ก. บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
------
ข้อ 1. บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ คือที่เลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งอยู่ในที่ดินอันบุคคลถือ
กรรมสิทธิ์ก็ดี หรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ดี โดยผู้ขุดหรือสร้างหรือ
เจ้าของหรือผู้ครอบครองมีความมุ่งหมายโดยตรงที่จะเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชะนิดใด
ชะนิดหนึ่งหรือหลายชะนิดรวมกันให้เพิ่มจำนวนหรือเพิ่มน้ำหนักยิ่งขึ้น
ข. การขุดเรือสร้างบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
------
ข้อ 2. ผู้ใดประสงค์จะขุดหรือสร้างบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำในที่ดินอันเป็น
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต้องยื่นคำขออนุญาตตามแบบพิมพ์ (คำขอ 4)
ต่อท้ายกฎกระทรวง ฉะบับที่ 6 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยบ่อล่อสัตว์น้ำ
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่
ข้อ 3. เมื่อได้รับคำขออนุญาตตามข้อ 2 แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
พิจารณาคำขอ เมื่อเห็นสมควรอนุญาต ก็ให้ออกใบอนุญาตตามแบบพิมพ์ (อนุญาต 4)
ต่อท้ายกฎกระทรวง ฉะบับที่ 6 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยบ่อล่อสัตว์น้ำ ออก
ตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
ข้อ 4. ใบอนุญาตตามข้อ 3 ทุกฉะบับ ต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ลงลายมือชื่อในใบอนุญาต
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 8 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยที่ว่าประมูล
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ก. การดำเนินการว่าประมูล
------
ข้อ 1. ให้คณะกรมการจังหวัดท้องที่รายงานขออนุมัติการว่าประมูล
ที่ว่าประมูลพร้อมทั้งชะนิด จำนวน และที่ตั้งเครื่องมือทำการประมงต่อรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงเกษตราธิการ ก่อนดำเนินการออกประกาศว่าประมูลทุกคราว
ข. คณะกรรมการดำเนินการว่าประมูล
------
ข้อ 2. ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดท้องที่สั่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการ
ว่าประมูลขึ้นคณะหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 นาย ประกอบด้วยข้าหลวงประจำจังหวัด
ท้องที่หรือผู้รักษาการแทน ประมงจังหวัดหรือผู้รักษาการแทน และนายอำเภอ
หรือปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอท้องที่หรือผู้รักษาการแทนแล้วแต่กรณี
แต่ถ้าจังหวัดใดไม่มีประมงจังหวัดหรือผู้รักษาการแทนก็ให้ข้าหลวงประจำ
จังหวัดแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการแทน
ข้อ 3. ให้คณะกรรมการดำเนินการว่าประมูลมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ
ว่าประมูล ที่ว่าประมูลในท้องที่จังหวัดนั้นตามวิธีการและกฎเกณฑ์ในระเบียบการ
ว่าประมูลซึ่งได้กำหนดไว้
ข้อ 4. ในการว่าประมูลคณะกรรมการดำเนินการว่าประมูลจะกำหนดให้
ว่าประมูลโดยวิธีปิดซองหรือโดยวิธีปากเปล่าก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร และจะ
กำหนดอัตราเงินอากรขั้นต่ำสำหรับการว่าประมูลไว้ก็ได้
*[3]
`ข้อ 5 บรรดาที่ว่าประมูลทุกแห่งจะต้องอนุญาตให้บุคคลทำการประมง
หรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยวิธีว่าประมูล เว้นแต่ที่ว่าประมูลแห่งใดที่สมควรอนุญาต
ให้แก่สหกรณ์การประมงเป็นผู้รับอนุญาต หรือสมควรอนุญาตให้แก่ผู้รับอนุญาตที่
ประทานบัตรสิ้นอายุในปีที่พึ่งล่วงมา และเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
ทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ได้ผล ก็ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร
มีอำนาจอนุมัติให้จังหวัดอนุญาตได้โดยไม่ต้องว่าประมูล
ถ้าที่ว่าประมูลแห่งใดไม่มีผู้เข้าว่าประมูล หรือมีผู้เข้าว่าประมูลเพียง
รายเดียว หรือผู้เข้าว่าประมูลให้อากรต่ำเกินสมควร จะระงับการว่าประมูลเสีย
ก็ได้ หรือถ้าคณะกรรมการดำเนินการว่าประมูลได้พิจารณาเห็นสมควร จะอนุญาต
ให้ผู้ใดเป็นผู้รับอนุญาตทำการประมงหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่ว่าประมูลนั้น โดย
กำหนดจำนวนเงินอากรที่จะเรียกเก็บตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับ
ความเห็นชอบจากอธิบดีกรมประมงก่อน และจำนวนเงินอากรจะต้องไม่ต่ำกว่า
อัตราค่าที่อนุญาตประเภทนั้น ๆ'
ค. วิธีการดำเนินการว่าประมูล
------
ข้อ 6. ก่อนเวลาดำเนินการว่าประมูลที่ว่าประมูลแห่งใดให้ข้าหลวง
ประจำจังหวัดท้องที่ทำหนังสือประกาศให้ประชาชนทราบล่วงหน้าก่อนวันว่าประมูล
เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน โดยให้ปิดประกาศไว้ที่ศาลากลางจังหวัดท้องที่
ที่ว่าการอำเภอท้องที่ และที่ชุมนุมชนตามที่เห็นสมควร
ข้อ 7. ในประกาศของข้าหลวงประจำจังหวัดตามข้อ 6 จะต้องมีข้อความ
ดังต่อไปนี้ คือ ชื่อที่ว่าประมูล ที่ว่าประมูลนั้นอยู่ในตำบลใด อำเภอใด สถานที่
ทำการว่าประมูล วันและเวลาทำการว่าประมูล ที่ตั้งและชื่อเครื่องมือทำการ
ประมงที่อนุญาตให้ใช้ในที่ว่าประมูล กำหนดอายุการอนุญาตให้ทำการประมง
และกำหนดวันเดือนปีทำสัญญาและการส่งเงินอากร
ง. กำหนดอายุการอนุญาตให้ทำการประมงในที่ว่าประมูล
------
ข้อ 8. กำหนดอายุการอนุญาตในการประมงในที่ว่าประมูลนั้น ให้ข้าหลวง
ประจำจังหวัดท้องที่มีอำนาจกำหนดการอนุญาตได้คราวละ 1 ปี เมื่อหมดอายุ
การอนุญาตแล้วก็ให้ดำเนินการว่าประมูลใหม่ ถ้าข้าหลวงประจำจังหวัดได้พิจารณา
เห็นสมควรกำหนดอายุการอนุญาตเกินกว่า 1 ปี ก็ให้รายงานขออนุญาตต่ออธิบดี
กรมการประมง
จ. การออกประทานบัตรและการทำสัญญา
------
ข้อ 9. เมื่อคณะกรรมการดำเนินการว่าประมูลชี้ขาดให้ผู้ใดเป็นผู้ได้รับ
อนุญาตแล้ว ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดท้องที่ดำเนินการเรียกให้ผู้นั้นนำหลักทรัพย์
หรือจัดหาผู้ค้ำประกันเงินอากรตามข้อ 13 และดำเนินการออกประทานบัตรตาม
แบบพิมพ์ท้ายกฎกระทรวงนี้ และให้ผู้รับอนุญาตทำสัญญาผูกขาดตามแบบที่อธิบดี
กรมการประมงกำหนด
ข้อ 10. ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดท้องที่เป็นผู้ลงลายมือชื่ออนุญาตใน
ประทานบัตร ส่วนในสัญญาผูกขาดที่กระทรวงเกษตราธิการทำกับผู้อนุญาตนั้น
ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดท้องที่กับประมงจังหวัดหรือผู้รักษาการแทน เป็น
ผู้ลงลายมือชื่อแทนกระทรวงเกษตราธิการ แต่ถ้าจังหวัดใดไม่มีประมงจังหวัด
หรือผู้รักษาการแทน ก็ให้ผู้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 เป็นผู้ลงลายมือชื่อร่วมกับข้าหลวงประจำจังหวัด
ข้อ 11. การทำสัญญาผูกขาดตามข้อ 9 และ 10 ให้ทำเป็นสองฉะบับ
มีข้อความตรงกัน และให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต่างยึดถือไว้เป็นหลักฐานฝ่ายละ
หนึ่งฉะบับ ในสัญญาผูกขาดจะต้องแสดงอาณาเขตต์ที่ว่าประมูล และที่ตั้งเครื่องมือ
ทำการประมงแบบไว้ด้วย
ฉ. การชำระเงินอากรค่าที่ว่าประมูล
------
ข้อ 12. การชำระเงินอากรค่าที่ว่าประมูล ให้ผู้รับอนุญาตชำระทั้งหมด
ในเวลารับประทานบัตรและลงลายมือชื่อในสัญญาผูกขาด เว้นแต่จะได้มีการ
ผ่อนเวลาตามความในมาตรา 39
ช. หลักทรัพย์และผู้ค้ำประกัน
------
ข้อ 13. ในกรณีที่มีการผ่อนเวลาตามความในมาตรา 39 ผู้รับอนุญาต
จะต้องนำหลักทรัพย์คือโฉนดที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์มาจำนองไว้เป็นประกัน
การชำระอากร ถ้าหลักทรัพย์ดังกล่าวแล้วมีราคายังไม่คุ้มกับเงินอากร ก็ให้
ผู้รับอนุญาตหาผู้ค้ำประกันที่มีหลักทรัพย์มั่นคงเป็นที่พอใจของคณะกรรมการ
ดำเนินการว่าประมูลมาทำสัญญาจำนองหรือค้ำประกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย
แล้วจึงให้ข้าหลวงประจำจังหวัดออกประทานบัตร และทำสัญญาผูกขาดตามข้อ 9
ซ. การผิดชำระอากรและการผ่อนเวลาชำระอากร
------
ข้อ 14. เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 40 และมาตรา 41 แล้ว
ปรากฏว่าเงินอากรยังค้างชำระอยู่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เร่งรัดให้ผู้ค้ำประกัน
ชำระเงินอากรโดยไม่ชักช้า
ฌ. การโอนประทานบัตร
------
ข้อ 15. ถ้าผู้รับอนุญาตรายใดประสงค์จะโอนประทานบัตรและสัญญา
ผูกขาดในที่ว่าประมูลซึ่งตนได้รับให้แก่ผู้อื่นให้ผู้รับอนุญาตและผู้รับโอนยื่น
เรื่องราวขออนุญาตโอนต่อข้าหลวงประจำจังหวัด เมื่อได้เสียค่าธรรมเนียม
ตามอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงและได้รับอนุญาตแล้ว จึงจำทำการโอนกันได้
ข้อ 16. การโอนประทานบัตรและสัญญาผูกขาดตามข้อ 15 ผู้โอนจะต้อง
นำประทานบัตรมาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดสลักหลังการโอน และผู้รับโอนจะต้อง
ทำสัญญาผูกขาดกับพนักงานเจ้าหน้าที่มีข้อความเช่นเดียวกับผู้ที่ทำกับผู้โอน และ
ต้องปฏิบัติในเรื่องหลักทรัพย์ประกัน ผู้ค้ำประกันและอื่น ๆ ตามกฎกระทรวงนี้
ญ. การเวนคืนที่ว่าประมูล
------
ข้อ 17. ถ้าผู้รับอนุญาตรายใดประสงค์จะเวนคืนที่ว่าประมูลให้แก่พนักงาน
เจ้าหน้าที่ก่อนสิ้นกำหนดอายุการอนุญาตตามประทานบัตรและสัญญาผูกขาด ให้ผู้นั้น
ยื่นเรื่องราวขอเวนคืนต่อข้าหลวงประจำจังหวัด
ข้อ 18. เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัดได้รับเรื่องราวขอเวนคืนที่ว่าประมูลแล้ว
และได้พิจารณาเห็นสมควรจะรับเวนคืน ก็ให้สั่งอนุญาตให้เวนคืนได้ ส่วนทรัพย์สิน
ที่ผู้นั้นนำมาวางประกันและสัญญาค้ำประกัน ให้คงยึดถือไว้ก่อนจนกว่าจะได้จัดการ
อย่างหนึ่งอย่างใดแก่ที่ว่าประมูลนั้น เพื่อให้ได้เงินอากรครบตามสัญญาผูกขาด
ข้อ 19. ถ้าข้าหลวงประจำจังหวัดได้พิจารณาเห็นสมควรให้จัดการว่าประมูล
ที่ว่าประมูลที่เวนคืนนั้นใหม่ ก็ให้กรรมการดำเนินการว่าประมูลดำเนินการต่อไปได้
หากได้เงินอากรต่ำกว่าการประมูลคราวแรกเท่าใด ก็ให้ข้าหลวงประจำจังหวัด
เรียกเงินอากรที่ยังขาดจากผู้เวนคืนจนครบ
ข้อ 20. ที่ว่าประมูลซึ่งผู้รับอนุญาตขอเวนคืนนั้น แม้ผู้รับอนุญาตจะยังไม่ได้
ลงมือทำการประมงในที่ว่าประมูลนั้นเลยก็ดี เงินอากรที่ผู้รับอนุญาตชำระแล้ว
จะเรียกคืนมิได้แต่ถ้าการขอเวนคืนนั้น เนื่องจากเหตุที่ทางราชการได้กระทำการ
อย่างหนึ่งอย่างใด ทำให้เสียประโยชน์ของผู้รับอนุญาตในการทำการประมงใน
ที่ว่าประมูลนั้น เช่นการปิดทำนบเป็นต้น ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดรับคืนที่ว่าประมูล
นั้น และส่งคืนเงินอากรที่ได้ชำระแล้วให้แก่ผู้รับอนุญาตทั้งหมดแต่ถ้าผู้รับอนุญาต
ได้ลงมือทำการประมงได้ผลประโยชน์ไปบ้างแล้ว ก็ให้พิจารณาว่าจะควรคืนเงิน
อากรที่ชำระให้แล้วเพียงใดหรือไม่ต้องคืนเลย โดยให้พิจารณาถึงประโยชน์ที่
ผู้รับอนุญาตได้รับจากที่ว่าประมูลนั้นแล้วเพียงใด
ฎ. การออกใบแทนประทานบัตรและสัญญาผูกขาด
------
ข้อ 21. การออกใบแทนประทานบัตรและสัญญาผูกขาด ให้นำบทบัญญัติ
แห่งกฎกระทรวง ฉะบับที่ 4 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยการออกใบแทนอาชญาบัตร
มาใช้โดยอนุโลม และในใบแทนประทานบัตรและสัญญาผูกขาดนั้น ให้ข้าหลวง
ประจำจังหวัดเป็นผู้ลงลายมือชื่ออนุญาต
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 9 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยใบอนุญาตรายบุคคล
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ใดประสงค์จะทำการประมงโดยใช้เครื่องมือนอกพิกัดในที่อนุญาต
รายบุคคล หรือทำการหาหอยแมลงภู่และหอยกระพงหรือเทียนหอยและหอยมุกด์
ให้ยื่นคำขอตามแบบพิมพ์ (คำขอ 1) ต่อท้ายกฎกระทรวง ฉะบับที่ 4 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยการขออาชญาบัตรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่
ข้อ 2. เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอตามข้อ 1 แล้ว ให้พิจารณา
ถ้าเห็นสมควรอนุญาตก็ให้เรียกเก็บเงินอากรตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
และดำเนินการออกใบอนุญาตให้ตามแบบพิมพ์ (อนุญาต 5) ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ 3. ใบอนุญาตทุกฉะบับที่ออกให้ตามข้อ 2 ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอ
ประจำกิ่งอำเภอหรือผู้ทำการแทนแล้วแต่กรณี เป็นผู้ลงลายมือชื่ออนุญาต
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 10 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยการติดโคมไฟและเครื่องหมาย
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ใดได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องมือประจำที่ มีหน้าที่ต้องติดโคมไฟ
และเครื่องหมายแผ่นสี่เหลี่ยมสีขาวกว้าง 20 เซ็นติเมตร ยาว 50 เซ็นติเมตร
เป็นอย่างน้อยให้เห็นได้ชัดเจน
ข้อ 2. โคมไฟนั้นผู้รับอนุญาตตามข้อ 1 ต้องติดโคมไฟไว้ที่เรือทุ่น หรือ
ที่เสาหรือสลัก ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนเครื่องหมายนั้นในเวลา
กลางวันผู้รับอนุญาตจะต้องติดไว้เสมอที่เครื่องมือประจำที่
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 11 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยการอุทธรณ์
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ในกรณีที่เจ้าพนักงาน ผู้มีอำนาจออกประทานบัตร ใบอนุญาตและ
อาชญาบัตร ไม่ยอมออกเอกสารเช่นว่านั้น ถ้าบุคคลผู้มีส่วนได้เสียประสงค์จะ
อุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงาน ก็ให้บุคคลนั้นยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงาน ภายใน
กำหนดสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ยื่นอุทธรณ์ทราบคำสั่ง
ข้อ 2. ในคำอุทธรณ์นั้น จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลโดยละเอียด
ชัดเจนว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลประการใด และต้องลงชื่อตัว
ชื่อสกุลและภูมิลำเนาของผู้ยื่นอุทธรณ์
ข้อ 3. เมื่อเจ้าพนักงานได้รับคำอุทธรณ์ ก็ให้ออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นอุทธรณ์
เป็นหลักฐาน และให้เจ้าพนักงานดังกล่าวแล้วชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลในการ
ไม่ยอมออกใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรแล้วแต่กรณีโดยละเอียด เสนอคณะกรรมการ
จังหวัดเพื่อตรวจสอบ แสดงความเห็นภายในกำหนดสามสิบวันนับตั้งแต่วันได้รับ
อุทธรณ์
ข้อ 4. สำหรับกรณีใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรนั้นถ้าคณะกรมการจังหวัด
เห็นสมควรออกใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรให้แก่ผู้ยื่นอุทธรณ์ ก็ให้แนะนำเจ้าพนักงาน
ดำเนินการออกใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรให้แก่ผู้อุทธรณ์ต่อไปได้ ถ้าเจ้าพนักงาน
ออกใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรให้ก็เป็นอันยุติ แต่ถ้าพนักงานเห็นว่าไม่สมควร
ออกใบอนุญาตหรืออาชญาบัตร ก็ให้เจ้าพนักงานรายงานมายังรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตราธิการพร้อมด้วยความเห็นของคณะกรมการจังหวัดภายในยี่สิบวัน
นับตั้งแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์
ข้อ 5. ในกรณีที่ไม่ยอมให้ออกประทานบัตร เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัด
ได้รับอุทธรณ์ ก็ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลโดยละเอียดเสนอไปยังรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงเกษตราธิการภายในสิบห้าวันนับตั้งแต่วันได้รับอุทธรณ์
ข้อ 6. เมื่อเจ้าพนักงานได้รับคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เกษตราธิการ ให้แจ้งคำวินิจฉัยนั้นให้ผู้อุทธรณ์ทราบภายในห้าวัน
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 12 (พ.ศ. 2490)
ว่าด้วยการขออนุญาตและจดทะเบียนผู้มีอาชีพในการประมง
การสินค้าสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และอุตสาหกรมสัตว์น้ำ
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
การขออนุญาตและการจดทะเบียนผู้มีอาชีพในการประมง
------
ข้อ 1. ผู้ใดประกอบอาชีพอยู่แล้วในวันใช้พระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490 ก็ดี หรือมีความประสงค์จะประกอบอาชีพก็ดี ถ้าเป็นอาชีพที่
ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้มีอาชีพในการประมง การค้าสินค้าสัตว์น้ำ
ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมสัตว์น้ำมาจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490 ให้ผู้นั้นยื่นคำขออนุญาตและจดทะเบียน (คำขอ 6)
ท้ายกฎกระทรวงนี้
สำหรับจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ณ กรมการประมง
สำหรับจังหวัดอื่น ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่
ข้อ 2. เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอตามข้อ 1 แล้ว ก็ให้พิจารณา
คำขอนั้น ถ้าสมควรอนุญาตก็ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดใน
กฎกระทรวง และดำเนินการจดทะเบียนออกใบอนุญาตตามแบบพิมพ์ (อนุญาต 6)
ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ 3. ใบอนุญาตที่ออกให้ตามข้อ 2 ทุกฉะบับ ให้อธิบดีกรมการประมง
นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้ทำการแทนแล้วแต่กรณี
เป็นผู้ลงลายมือชื่ออนุญาต
ให้ไว้ ณ วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490
จรูญ สืบแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
*[2]
กฎกระทรวง
ฉะบับที่ 14 (พ.ศ. 2492)
ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม
ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉะบับที่ 3
(พ.ศ. 2490) ลงวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2490 ว่าด้วยการกำหนดอัตรา
ค่าธรรมเนียม ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
และให้ใช้กฎต่อไปนี้แทน
IMAGE 0
ให้ไว้ ณ วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2492
ช่วง เกษตรศิลปการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
บทเฉพาะกาล
--------------------
กฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2502) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องด้วย
ผู้มีอาชีพทำการประมงในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ ได้รับความเสียหายเพราะภัย
ธรรมชาติวิปริตในบางปี เช่น ใน พ.ศ. 2500 และ 2501 ดินฟ้าอากาศ
แห้งแล้งมาก ในน่านน้ำจืดน้ำเข้าทุ่งน้อย ปลาเข้าวางไข่ไม่ได้ผล ในทะเล
ก็เช่นเดียวกันปลาวางไข่น้อย จึงทำให้ชาวประมงผู้ว่าประมูลจับปลาไม่ได้ผล
ผู้ว่าประมูลได้ต้องเสียเงินอากรให้แก่รัฐบาลในอัตราสูง ก็ได้รับความเสียหาย
และเดือนร้อนมาก อนึ่งที่จับสัตว์น้ำประเภทที่ว่าประมูลบางแห่งมีความเหมาะสม
ที่จะจัดตั้งเป็นสหกรณ์การประมง แล้วอนุญาตให้สหกรณ์การประมงที่ได้จัดตั้งขึ้น
มีสิทธิทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่ว่าประมูลแห่งนั้นได้
จึงเป็นการสมควรออกกฎกระทรวงฉบับใหม่ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงเกษตรมีอำนาจอนุมัติให้จังหวัดอนุญาตที่จับสัตว์น้ำประเภทที่ว่า
ประมูลให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย วาตะภัย หรือให้แก่ผู้ประสบความเสียหายจากภัย
ธรรมชาติกับให้สหกรณ์การประมงได้
--------------------
กฎกระทรวง ฉบับที่ 16 (พ.ศ. 2506) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ. 2490
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องด้วย
กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2490) ว่าด้วยการกำหนดอัตราเงินอากร
การประมงได้ประกาศใช้มาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว การเรียกเก็บเงินอากรแก่
เครื่องมือการประมงบางชนิดยังไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน เพราะ
ในปัจจุบันนี้การประมงทะเลได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นเป็นอันมาก ชาวประมงได้
นำเอาเครื่องมือประมงแบบใหม่ ๆ มาใช้ทำการประมงอีกหลายชนิด เช่น
อวนลอยไนล่อน เป็นต้น อวนแบบใหม่ ๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นเครื่องมือขนาดเล็ก
แต่ต้องเสียเงินอากรค่าอาชญาบัตรในอัตราสูงเกินรายได้ของชาวประมง
ซึ่งนับว่าไม่เป็นธรรมแก่ชาวประมงผู้ใช้อวนลอยไนล่อน เมื่อเปรียบเทียบกับ
เครื่องมือขนาดใหญ่อื่น ๆ ซึ่งเสียเงินอากรน้อยกว่าอวนลอยไนล่อนหลายเท่า
แต่สามารถจับสัตว์น้ำได้มากกว่าอวนลอยไนล่อนหลายสิบเท่า เพื่อส่งเสริม
อาชีพชาวประมงผู้ใช้อวนลอยไนล่อนให้สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงแก้ไขปรับปรุงอัตราเงินอากรการประมง
เสียใหม่
เชิงอรรถ
--------------------
*[1] แก้ไขโดย กฎกระทรวง ฉะบับที่ 13 (พ.ศ. 2491) ว่าด้วยการ
กำหนดอัตราเงินอากร ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
*[2] แก้ไขโดย กฎกระทรวง ฉะบับที่ 14 (พ.ศ. 2492) ว่าด้วยการ
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง
พ.ศ. 2490
*[3] แก้ไขโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2502) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490
*[4] แก้ไขโดย กฎกระทรวง ฉบับที่ 16 (พ.ศ. 2506) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490