คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2543

 

หมายเลขคดีดำ ของศาลฎีกา
หมายเลขคดีดำ -

หมายเลขคดีดำ และ หมายเลขคดีแดง ของศาลชั้นต้น
หมายเลขคดีดำ -
หมายเลขคดีแดง -

 
นาง สุมาลี โพธิ์ศรี กับพวก             โจทก์
กรมการบินพาณิชย์ กับพวก            จำเลย
 

พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 47

 
โจทก์ทั้งสิบหกฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ระงับการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่นจนกว่าจะแก้ไขปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ทั้งสิบหกและประชาชน และเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเสีย
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า ตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้การขยายท่าอากาศยานขอนแก่นซึ่งเป็นโครงการหรือกิจการของส่วนราชการจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้มีหน้าที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535มาตรา 44(3) จึงไม่รับคำฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์ทั้งสิบหก
โจทก์ทั้งสิบหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสิบหกหาได้บรรยายฟ้องว่าเขตพื้นที่ก่อสร้างคดีนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่นั้นเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามมาตรา 43, 44(3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ไม่ฟ้องโจทก์ทั้งสิบหกส่วนนี้จึงมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ส่วนคำฟ้องของโจทก์ทั้งสิบหกที่ว่า การก่อสร้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำให้โจทก์ทั้งสิบหกได้รับความเดือนร้อนและเสียหายนั้นโจทก์มิได้เรียกค่าเสียหายมาจึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ พิพากษายืน ให้โจทก์ทั้งสิบหกร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ทั้งสิบหกฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า "คดีนี้ โจทก์ทั้งสิบหกฟ้องจำเลยทั้งสี่เพื่อขอให้ระงับการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น และให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น อ้างว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่นโดยจำเลยที่ 1และที่ 2 มิได้เสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้คณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณา มติของคณะรัฐมนตรีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การก่อสร้างขยายท่าอากาศยานขอนแก่นมีการขุดดิน ถมดิน ถางป่า ปรับพื้นดิน ทำให้เกิดฝุ่นละออง ประชาชนและโจทก์ทั้งสิบหกสูดฝุ่นละอองทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่องและเรื้อรัง และมีผลต่อการระบายน้ำในหมู่บ้านเดชา เมื่อฝนตกน้ำจะไหลบ่าจากสถานที่ก่อสร้างลงมาท่วมขังในหมู่บ้านเดชา ทำให้เกิดความเสียหายแก่สุขภาพอนามัยและทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสิบหก ได้ความดังนี้เห็นว่า กรณีตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสิบหกเป็นเรื่องแหล่งกำเนิดมลพิษที่ก่อให้เกิดหรือแพร่กระจายของมลพิษ ซึ่งหากเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสิบหกได้รับอันตรายแก่ร่างกาย สุขภาพอนามัย และเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสิบหกเสียหายด้วยประการใด ๆ โจทก์ทั้งสิบหกก็ชอบที่จะฟ้องร้องเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษนั้นให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายเพื่อการนั้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 96 ได้ หรืออาจเรียกค่าเสียหายหรือค่าทดแทนจากรัฐในกรณีที่ได้รับความเสียหายอันมีสาเหตุมาจากกิจการหรือโครงการที่ริเริ่ม สนับสนุนหรือดำเนินการโดยส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 6(2) หรือหากเป็นกรณีจำเลยทั้งสี่จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ทั้งสิบหกโดยผิดกฎหมายให้โจทก์ทั้งสิบหกเสียหายแก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสิบหก โจทก์ทั้งสิบหกก็ชอบที่จะฟ้องร้องผู้ทำละเมิดหรือนายจ้างของผู้ทำละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ หรือหากผู้ทำละเมิดทำละเมิดต่อเนื่องกันไม่ยอมหยุด โจทก์ทั้งสิบหกก็ชอบที่จะฟ้องร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ทำละเมิดหยุดทำละเมิดเสียก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 การที่โจทก์ทั้งสิบหกมาฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้ขอให้ระงับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น และขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น โดยที่ฟ้องโจทก์ทั้งสิบหกมิได้บรรยายว่าหากจำเลยที่ 1 และที่ 2 จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วจะมีผลถึงขนาดที่คณะรัฐมนตรีจะไม่อนุมัติการก่อสร้างโครงการ พัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น จึงยังไม่อาจถือได้ว่ามติคณะรัฐมนตรีไม่ชอบ ยิ่งกว่านั้น ตามฟ้องได้ความแต่เพียงว่า โจทก์ทั้งสิบหกได้รับความเสียหายจากการก่อสร้างอันเนื่องมาจากความบกพร่องของผู้ก่อสร้างที่ไม่ป้องกันมลพิษ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวก็มิใช่ผลโดยตรงจากมติคณะรัฐมนตรีโจทก์ทั้งสิบหกย่อมไม่อาจฟ้องขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่นได้ โจทก์ทั้งสิบหกจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้ได้ เมื่อคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสิบหกไม่อาจจะพิพากษาให้ได้ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์ทั้งสิบหกเสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องและคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทั้งสิบหกทั้งหมด จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง"
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสิบหก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

( วิชัย วิสิทธวงศ์ - กนก พรรณรักษา - สุเทพ เจตนาการณ์กุล )

หมายเหตุ