พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง และตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2542

พระราชกฤษฎีกา

กำหนดบริเวณที่ดินป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง

และตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก

ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ

พ.ศ. 2542

--------------

 

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2542

เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ

โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรกำหนดบริเวณที่ดินป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง

และตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 211 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงทรงพระกรุณา

โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

 

มาตรา 1  พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดิน

ป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง และตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ให้เป็น

อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2542"

 

มาตรา 2  พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน

ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

มาตรา 3  ให้บริเวณที่ดินป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง และตำบล

แม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็น

อุทยานแห่งชาติ

 

มาตรา 4  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตาม

พระราชกฤษฎีกานี้

 

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ชวน หลีกภัย

นายกรัฐมนตรี

 

+------------------------------------------------------------------------------------------------------------------+

หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากบริเวณที่ดิน

ป่าท่าสองยาง ในท้องที่ตำบลแม่สอง และตำบลอุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เนื้อที่ประมาณ

185.28 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 115,800 ไร่ ไปประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ

และมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า สัตว์ป่านานาชนิด ตลอดจนทิวทิศน์ ป่า และภูเขาที่สวยงามยิ่ง

สมควรกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เพื่อสงวนไว้

ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษา

และรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน จึงจำเป็นต้องตรา

พระราชกฤษฎีกานี้

 

[116/40 ก/14 : 20/05/2542]