พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง
อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๕๐
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐
เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ และมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ที่ดินในท้องที่ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2550
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากในท้องที่ตำบลสวนเขื่อนและตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินประกอบเกษตรกรรมเป็นของตนเองหรือมีที่ดินเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพ หรือต้องเช่าที่ดินของผู้อื่นประกอบเกษตรกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก สมควรกำหนดเขตที่ดินที่ได้จำแนกออกจากเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ป่าแม่แคมในท้องที่ดังกล่าวให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑ มีนาคม ๒๕๕๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๑๒ ก/หน้า ๕๕/๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐