พระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าคลองลำเลียง-ป่าละอุ่น เป็นป่าคุ้มครอง ในท้องที่ตำบลลำเลียง ตำบลบางแก้ว ตำบลทรายแดง ตำบลบางพระใต้ และตำบลละอุ่นใต้ กิ่งอำเภอละอุ่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง พ.ศ. 2497
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น ในท้องที่ตำบลลำเลียง
ตำบลบางแก้ว ตำบลทรายแดง ตำบลบางพระใต้
และตำบลละอุ่นใต้ กิ่งอำเภอละอุ่น
อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
พ.ศ. ๒๔๙๗
----------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗
เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น ในท้องที่ตำบลลำเลียง
ตำบลบางแก้ว ตำบลทรายแดง ตำบลบางพระใต้ และตำบลละอุ่นใต้ กิ่งอำเภอละอุ่น อำเภอ
กระบุรี จังหวัดระนอง ให้เป็นป่าสงวน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติ
คุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกา
ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าคลองลำเลียง
- ละอุ่น ในท้องที่ตำบลลำเลียง ตำบลบางแก้ว ตำบลทรายแดง ตำบลบางพระใต้ และตำบลละอุ่น
ใต้ กิ่งอำเภอละอุ่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง พ.ศ. ๒๔๙๗"
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น ในท้องที่ตำบลลำเลียง ตำบลบางแก้ว
ตำบลทรายแดง ตำบลบางพระใต้ และตำบลละอุ่นใต้ กิ่งอำเภอละอุ่น อำเภอกระบุรี จังหวัด
ระนอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นป่าสงวน
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
+------------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากที่ดินแห่งนี้เป็นป่าที่
มีไม้มีค่าเป็นปริมาณมาก เช่น ไม้โกงกาง ไม้พังกา ไม้หงอนไก่ มีสภาพเหมาะสมที่ควรสงวนไว้
เพื่อให้ราษฎรได้มีไม้ใช้ตลอดไป อันจะใช้ประโยชน์มากยิ่งกว่าที่จะแผ้วถางลงทำเป็นที่เพาะปลูก
หรือเพื่อกิจการอย่างอื่นต่อหน่วยเนื้อที่ และการใช้ประโยชน์จากป่าของราษฎรส่วนมากมิได้เป็น
ไปตามหลักเศรษฐกิจ เช่น เข้าก่นสร้าง แผ้วถางเผาป่าที่อุดมไปด้วยพันธ์ไม้มีค่า โดยไม่คำนึงถึง
ผลได้เสียที่จะบังเกิดแก่ส่วนรวม เป็นเหตุให้ป่าที่ดีมีค่าถูกทำลายทรุดโทรมเสียหายเกินควร จึง
สมควรที่จะจัดการสงวนที่ป่าแห่งนี้ไว้เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
[รก.๒๔๙๗/๒๗/๖๕๑/๒๗ เมษายน ๒๔๙๗]
ชไมพร/พิมพ์
๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๔