พระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่ยกเว้นการเก็บเงินอากร ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ พ.ศ. ๒๔๙๑และยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๑ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ พ.ศ. ๒๕๒๒

พระราชกฤษฎีกา

ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่ยกเว้นการเก็บเงินอากร

ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ พ.ศ. ๒๔๙๑

และยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๑

ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕

พ.ศ. ๒๕๒๒

                  

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒

เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรยกเลิกการยกเว้นการเก็บเงินอากรตามกฎหมายว่าด้วยการประมง

                  อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

                   มาตรา ๑  พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่ยกเว้นการเก็บเงินอากร ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ พ.ศ. ๒๔๙๑ และยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๑ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ พ.ศ. ๒๕๒๒”

มาตรา ๒[๑]  พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓  ให้ยกเลิก

(๑) พระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่ยกเว้นการเก็บเงินอากรตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ พ.ศ. ๒๔๙๑

(๒) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๑ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ส.  โหตระกิตย์

รองนายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการทำประมงในที่จับสัตว์น้ำในเขตน่านน้ำจืด ในเขตท้องที่จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ ได้รับการยกเว้นการเก็บเงินอากรทุกประเภท ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่ยกเว้นการเก็บเงินอากรตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ พ.ศ. ๒๔๙๑ และตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๔๑ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ เพราะในเวลานั้นประชาชนในท้องที่จังหวัดดังกล่าวทำการประมงเพื่อนำสัตว์น้ำที่จับได้มาบริโภคในครัวเรือน มิได้ทำการประมงเป็นธุรกิจหรือการพาณิชย์ แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำที่ถาวรเพิ่มขึ้นในเขตท้องที่จังหวัดดังกล่าวหลายจังหวัดการทำการประมงจึงขยายกว้างออกไป และมิได้กระทำเพียงเพื่อนำสัตว์น้ำมาบริโภคภายในครัวเรือนดังเช่นแต่ก่อน นอกจากนั้นยังปรากฏว่ามีผู้นิยมใช้อวนข่าย และเครื่องมือในพิกัดทำการประมงในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง กันอย่างแพร่หลายและมีปริมาณมาก ทำให้ผู้ทำการประมงมีรายได้ดีขึ้น สมควรเรียกเก็บเงินอากรสำหรับการทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำในเขตน่านน้ำจืดเหมือนกับจังหวัดอื่น ๆ ที่มีการเก็บเงินอากรอยู่แล้ว  จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ขึ้น

จุฑามาศ/ปรับปรุง

๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘

[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖/ตอนที่ ๕๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๑๒/๒๑ เมษายน ๒๕๒๒