คำวินิจฉัยที่ 70/2557

 

หมายเลขคดีดำ ของศาลฎีกา

หมายเลขคดีดำ -

 

หมายเลขคดีดำ และ หมายเลขคดีแดง ของศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำ -
หมายเลขคดีแดง -

 

สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรี จำกัด      ผู้ฟ้องคดี
องค์การบริหารส่วนตำบลไทรใหญ่       ผู้ถูกฟ้องคดี
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

ป.พ.พ.

ป.ที่ดิน

พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457

พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537

 

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล       คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล

ที่  ๗๐/๒๕๕๗

 

วันที่  ๖  สิงหาคม  ๒๕๕๗

 

เรื่อง    คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

 

ศาลปกครองกลาง

ระหว่าง

ศาลจังหวัดนนทบุรี

 

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ

ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องคดีโต้แย้ง เขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนี้

 

ข้อเท็จจริงในคดี

เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรี จำกัด ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง องค์การบริหารส่วนตำบลไทรใหญ่ ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๒๒๗๐/๒๕๕๕ ความว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ ๗๔ ไร่ ๓๔ ตารางวา ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอรังวัดที่ดินดังกล่าว เพื่อดำเนินการจัดสรรแบ่งขายให้แก่สมาชิกของผู้ฟ้องคดี และในการรังวัดมีการแจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดี ร่วมระวังแนวเขตด้วย เนื่องจากที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับคลองหม่อมแช่ม ซึ่งเป็นคลองสาธารณประโยชน์และอยู่ในความดูแลของผู้ถูกฟ้องคดี ภายหลังผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือคัดค้านการรังวัดที่ดิน พร้อมกับขอให้กันแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีออกห่างไปจากคลองหม่อมแช่มไม่น้อยกว่า ๕ เมตร เจ้าหน้าที่รังวัดให้ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีไปนำชี้แนวเขตที่ดินใหม่ และจัดทำแผนที่ค้านแนวเขตกัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการคัดค้านรังวัดที่ดินของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือคัดค้านการรังวัดที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ ให้ยกเลิกการขอกันแนวเขตที่ดินริมคลองหม่อมแช่ม ๕ เมตร ตลอดแนว และให้ผู้ถูกฟ้องคดีปรับพื้นที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม หากไม่ดำเนินการขอให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย

ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า แนวเขตที่ดินที่ผู้ถูกฟ้องคดีคัดค้านเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิยึดถือ การคัดค้านการรังวัดเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือการรังวัดที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ และยกเลิกการขอกันแนวเขตที่ดินริมคลองหม่อมแช่มของผู้ถูกฟ้องคดีได้ ผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย

ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องโต้แย้งอำนาจศาลว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่าผู้ถูกฟ้องคดีเป็นหน่วยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ดำเนินการคัดค้านรังวัดที่ดินของผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือที่ นบ ๗๑๔๐๓/๕๓๐ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ อันเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ประกอบ ข้อ ๕ และข้อ ๖ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. ๒๕๕๓ และข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามหนังสือคัดค้านการรังวัดที่ดินของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีขอคัดค้านการรังวัดเนื่องจากต้องการขอให้ ผู้ฟ้องคดีกันเขตที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ กว้าง ๕ เมตรจากริมคลองหม่อมแช่ม เช่นเดียวกับที่ดินแปลงโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๗๔ และเลขที่ ๑๕๕๗๓ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าบริเวณที่ดินที่คัดค้านเป็นที่สาธารณประโยชน์แต่อย่างใด คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

ศาลจังหวัดนนทบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีนี้แม้ตามหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่มีไปถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรีเพียงขอคัดค้านการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๑๒๐ และขอกันแนวเขตที่ดินริมคลองหม่อมแช่มอีกจำนวน ๕ เมตร เช่นเดียวกับโฉนดอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณคลองเดียวกัน โดยไม่ได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องในที่ดินดังกล่าวโดยตรง แต่เมื่อพิจารณาถึงอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ พบว่าในมาตรา ๖๗ (๑) กำหนดให้อำนาจองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจในการจัดให้มีและบำรุงรักษาทางน้ำและทางบก (๒) ให้อำนาจในการรักษาความสะอาดถนน ทางน้ำ ทางเดิน และที่สาธารณะ และมาตรา ๖๘ (๓) ให้อำนาจในการให้มีและบำรุงรักษาทางระบายน้ำ ไม่มีบทบัญญัติส่วนใดให้อำนาจองค์การบริหารส่วนตำบล สั่งให้ที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนตกเป็นของรัฐ หรือตกเป็นที่สาธารณะได้ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีขอให้กันแนวเขตที่ดินริมคลองหม่อมแช่ม อีกจำนวน ๕ เมตร ตลอดแนวนั้น มีผลเท่ากับขอให้กันที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีที่อยู่ในแนว ๕ เมตร ตกเป็นของรัฐหรือตกเป็นที่สาธารณะ ผู้ถูกฟ้องคดีย่อมไม่มีอำนาจกระทำได้ ดังนั้นการที่จะพิจารณาว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจคัดค้านการรังวัดและมีอำนาจขอกันส่วนที่ดินริมคลองหม่อมแช่ม อีกจำนวน ๕ เมตรหรือไม่ จำเป็นต้องพิจารณาถึงกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีประกอบว่าผู้ฟ้องคดีมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ผู้ถูกฟ้องคดีขอกันหรือไม่ จึงเห็นว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย

ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง

คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอรังวัดที่ดินดังกล่าวเพื่อดำเนินการจัดสรรแบ่งขายให้แก่สมาชิกของผู้ฟ้องคดี เนื่องจากที่ดินแปลงนี้อยู่ติดกับคลองหม่อมแช่ม ซึ่งเป็นคลองสาธารณประโยชน์ และอยู่ในความดูแลของผู้ถูกฟ้องคดี ภายหลังผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือคัดค้านการรังวัดที่ดิน พร้อมกับขอให้กันแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีออกห่างไปจากคลองหม่อมแช่มไม่น้อยกว่า ๕ เมตร แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการคัดค้านรังวัดที่ดินของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ผู้ฟ้องคดี ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือคัดค้านการรังวัดที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ ให้ยกเลิกการขอกันแนวเขตที่ดินริมคลองหม่อมแช่ม ๕ เมตร ตลอดแนว และให้ผู้ถูกฟ้องคดีปรับพื้นที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม หากไม่ดำเนินการขอให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า แนวเขตที่ดินที่ผู้ถูกฟ้องคดีคัดค้านเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ผู้ฟ้องคดี ไม่มีสิทธิยึดถือ การคัดค้านการรังวัดเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือการรังวัดที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๑๒๐ และยกเลิกการขอกันแนวเขตที่ดินริมคลองหม่อมแช่มของผู้ถูกฟ้องคดีได้ ผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินส่วนที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ซึ่งอยู่ในความดูแลของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรี จำกัด ผู้ฟ้องคดี องค์การบริหารส่วนตำบลไทรใหญ่ ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

 

(ลงชื่อ)   นายดิเรก  อิงคนินันท์                              (ลงชื่อ)    นายสุวัฒน์  วรรธนะหทัย

(นายดิเรก  อิงคนินันท์)                                         (นายสุวัฒน์  วรรธนะหทัย)

ประธานศาลฎีกา                                    กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

 

(ลงชื่อ)    หัสวุฒิ  วิฑิตวิริยกุล                                     (ลงชื่อ)     จรัญ  หัตถกรรม

(นายหัสวุฒิ  วิฑิตวิริยกุล)                                       (นายจรัญ  หัตถกรรม)

ประธานศาลปกครองสูงสุด                               กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

 

(ลงชื่อ)  พลเรือโท กฤษฎา  เจริญพานิช               (ลงชื่อ)   พลตรี  พัฒนพงษ์  เกิดอุดม

(กฤษฎา  เจริญพานิช)                                      (พัฒนพงษ์  เกิดอุดม)

หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร                          กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

 

(ลงชื่อ)  จิระ  บุญพจนสุนทร

(นายจิระ  บุญพจนสุนทร)

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
 

 

หมายเหตุ

คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน