ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี
พ.ศ. ๒๕๕๘
เนื่องจากในเขตพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี กำลังเผชิญปัญหาการเสื่อมสภาพของโบราณสถาน ทั้งจากปัจจัยของตัวโบราณสถานเอง และจากการเปลี่ยนแปลงภายนอกก่อให้เกิดการเสียสมดุลของระบบนิเวศวิทยา และอาจลุกลามเข้ามาในบริเวณแหล่งศิลปกรรม โดยการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์โบราณสถาน ป้องกันได้แต่เพียงตัวโบราณสถาน แต่ไม่สามารถป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมรอบตัวโบราณสถานได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และโดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้กำหนดพื้นที่ภายในบริเวณเมืองโบราณศรีมโหสถและพื้นที่ต่อเนื่องซึ่งอยู่ในเขตผังเมืองรวม จังหวัดปราจีนบุรี โดยกำหนดเขตพื้นที่จุดที่ ๑ เริ่มต้นที่ปากซอย ๘ บ้านสระมะเขือ ไปทางด้านตะวันตก ตลอดตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๗๐ จนไปถึงสี่แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๗๐ ตัดกับซอยเทศบาล ๑๐ เป็นจุดที่ ๒ จากจุดดังกล่าวตลอดไปทางด้านใต้ตามแนวซอยเทศบาล ๑๐ จนถึงแยกสระแก้วสระขวัญ ถึงภูเขาทอง เป็นจุดที่ ๓ จากจุดดังกล่าวตลอดไป ตามแนวถนนแยกสระแก้วสระขวัญ ถึงภูเขาทอง ไปจนถึงจุดตัดกับถนนองค์การบริหารส่วนตำบลโคกปีบ เป็นจุดที่ ๔ จากจุดดังกล่าวลากเป็นเส้นตรงไปจนถึงสามแยกที่บรรจบระหว่างซอย ๔ กับซอย ๘ บ้านสระมะเขือ เป็นจุดที่ ๕ จากจุดดังกล่าวตลอดไป ทางด้านเหนือตามซอย ๘ บ้านสระมะเขือ จนไปบรรจบกับจุดที่ ๑ ตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ให้เป็นเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้
ข้อ ๒ ในพื้นที่ตามข้อ ๑ ห้ามกระทำการหรือประกอบกิจกรรม ดังต่อไปนี้
(๑) การกระทำ หรือการประกอบกิจกรรมใดที่อาจเป็นอันตรายหรือมีผลกระทบต่อตัวโบราณสถาน เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อการศึกษาวิจัยทางวิชาการหรือเป็นการดำเนินการของทางราชการซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร
(๒) ติดตั้งป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายบนตัวโบราณสถาน และในพื้นที่นอกเขตโบราณสถาน เว้นแต่เฉพาะในพื้นที่นอกเขตโบราณสถานซึ่งไม่บดบังหรือไม่มีลักษณะบดบังหรือทำลายทัศนียภาพของโบราณสถาน
(๓) ขุดหรือตักดินในบริเวณรัศมีไม่เกิน ๑๐๐ เมตร จากที่ตั้งโบราณสถาน ไถหรือถมเนินดิน เว้นแต่เป็นการดำเนินการในที่ดินที่เอกชนมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง หากพบสิ่งที่คาดว่าจะเป็นโบราณสถานหรือโบราณวัตถุ ให้แจ้งกรมศิลปากร(๔) ขุดหรือตักดินลูกรังเพื่อการค้า
(๕) ถม ปรับพื้นที่ หรือปิดกั้นซึ่งทำให้แหล่งน้ำสาธารณะตื้นเขิน หรือเปลี่ยนทิศทาง หรือทำให้น้ำในแหล่งน้ำไม่อาจไหลไปได้ตามปกติ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ในการระบายน้ำ
(๖) ทำสถานที่กำจัด ฝังกลบหรือเผา ขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูลของชุมชน หรือของเสียอุตสาหกรรม
(๗) ขุดเจาะ หรือขยายถนนสาธารณะ เว้นแต่เป็นการดำเนินการของทางราชการ เพื่อการซ่อมแซมผิวจราจร หรือเพื่อความปลอดภัยในการคมนาคม
ข้อ ๓ ในพื้นที่ตามข้อ ๑ ห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารใด ๆ ให้เป็นอาคาร ดังต่อไปนี้
(๑) โรงงานทุกจำพวกตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
(๒) คลังน้ำมันเชื้อเพลิงและสถานที่ที่ใช้ในการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ไม่ใช่ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและก๊าซธรรมชาติ เพื่อจำหน่ายที่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
(๓) สถานที่บรรจุก๊าซ สถานที่เก็บก๊าซ และห้องบรรจุก๊าซ สำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวและก๊าซธรรมชาติ เว้นแต่ร้านจำหน่ายก๊าซ สถานที่ใช้ก๊าซ และสถานที่จำหน่ายอาหารที่ใช้ก๊าซ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
(๔) สุสานและฌาปนสถานตามกฎหมายว่าด้วยสุสานและฌาปนสถาน เว้นแต่ การก่อสร้างทดแทนของเดิมในพื้นที่เดิม ซึ่งจะต้องมีระบบควบคุมมลพิษทางอากาศ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างและอาคารประกอบของระบบควบคุมมลพิษทางอากาศ ตามมาตรฐานของทางราชการ
(๕) สถานีขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
(๖) อาคารเก็บสินค้า หรืออาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีลักษณะในทำนองเดียวกันที่ใช้เป็นที่เก็บ พักหรือขนถ่ายสินค้าหรือสิ่งของเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรืออุตสาหกรรม
(๗) อาคารที่สร้างด้วยวัสดุไม่ถาวรหรือไม่ทนไฟเป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่การดัดแปลงอาคารประเภทเรือนแถวที่เป็นไม้ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ แต่ต้องกลมกลืนกับพื้นที่บริเวณนั้น
(๘) สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
(๙) อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
(๑๐) โครงสร้างที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคม
ข้อ ๔ ห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่มีความสูงเกิน ๙ เมตร เว้นแต่อาคารตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๗๐ ที่มีความสูงไม่เกิน ๑๒ เมตร แต่อาคารดังกล่าวต้องมีลักษณะ รูปแบบ สีอาคารและหลังคา สอดคล้อง กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมและโบราณสถาน
ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการสงวนรักษา การอนุรักษ์ การปกป้อง การฟื้นฟูบูรณะและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมในพื้นที่ตามข้อ ๑ ให้เทศบาลตำบลโคกปีบ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกปีบ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมศิลปากร ร่วมกันดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) จัดทำแผนอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่แหล่งศิลปกรรม โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อปลูกจิตสำนึกและก่อให้เกิดการอยู่ร่วมกัน ตลอดจนรักษาไว้ให้เป็นฐานเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
(๒) จัดทำคู่มือการออกแบบอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ในเขตกำแพงเมือง คูเมืองให้มีความสอดคล้องกลมกลืนกับสภาพพื้นที่และความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิม
(๓) ส่งเสริมโครงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเห็นประโยชน์ และอนุรักษ์พื้นที่ไว้
ข้อ ๖ ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดมาตรการที่มีผลเป็นการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ ก็ให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้น
ข้อ ๗ ในเขตพื้นที่ตามข้อ ๑ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายอื่นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ เพื่อประโยชน์ในการร่วมมือและประสานงานให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ข้อ ๘ การใด ๆ ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับให้คงดำเนินการต่อไปได้ จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายนั้น
ข้อ ๙ อาคารที่มีอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ไม่ต้องดำเนินการตามประกาศนี้ เว้นแต่การดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามประกาศนี้
ข้อ ๑๐[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับมีกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ กันยายน ๒๕๕๘
ปัญจพร/ผู้ตรวจ
๒๑ กันยายน ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๑๙ ง/หน้า ๑/๑๕ กันยายน ๒๕๕๘